> SET >

29 กันยายน 2020 เวลา 10:36 น.

เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 กลุ่มหนุนท่องเที่ยว, สายการบิน, โรงพยาบาล

ทันหุ้น -สู้โควิด –บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง วานนี้ที่ประชุม ศบค.รายงานความคืบหน้าการอนุญาตให้บุคคลเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทั้งหมด 6 กลุ่ม ดังนี้

1. การอนุญาตให้นักกีฬาต่างชาติเดินทางเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ต้อง State Quarantine 14 วัน ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์


2. แนวทางการปฏิบัติในการกักตัวนักบินและลูกเรือบริษัท การบินไทย ในเที่ยวบินรับส่งบุคคลกลับไทยขอเข้า State Quarantine เพราะบินในเส้นทางสหรัฐอเมริกา


3. การอนุญาตให้ผู้ที่ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว แต่ต้องมีสำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือนติดต่อกันในจำนวนเงินไทยไม่น้อยกว่า 500,000 บาท


4. การกำหนดเงื่อนไขผู้ขอวีซ่าท่องเที่ยวสำหรับกลุ่ม Long Stay ผู้ที่จะเข้ามาต้องถือตรวจลงตราประเภท Special Tourist Visa

5. อนุมัติเห็นสมควรอนุญาตผู้ถือบัตร APEC Card เข้ามาในไทยได้ โดยเลือกประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง


6. อนุญาตให้ผู้ที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทยในระยะเวลาสั้นและระยะยาวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยต้องมีบัญชีฝากย้อนหลัง 6 เดือน ไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท


จากนี้ไปกระทรวงมหาดไทยจะกลับไปจัดทำร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับวีซ่าพิเศษ ก่อนให้นายกรัฐมนตรี ลงนามเป็นขั้นตอนสุดท้าย กระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จทันตามความตั้งใจว่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกมาไทยได้ในเดือน ต.ค. นี้


โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกแจ้งมาว่าพร้อมเดินทางในวันที่ 8 ต.ค. คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจากกว่างโจว 150 คน เดินทางมากับสายการบินแอร์เอเชียแบบเช่าเหมาลำมาสนามบินภูเก็ต กลุ่มนี้จะเดินทางเข้ามาเพิ่มเติมอีกในวันที่ 25 ต.ค.63 จำนวน 126 คน กับสายการบินไทยสมายล์ มาสนามบินสุวรรณภูมิ และวันที่ 1 พ.ย.63 เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย และเชงเก้น จำนวน 120 คน มากับสายการบินไทย มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยช่วงแรกให้ state quarantine 14 วัน หากดีขึ้นก็เหลือ 7 วัน และ 6 ชั่วโมงตามลำดับ 


คาดว่าจากประเด็นข่าวนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องดังนี้

กลุ่ม/หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงบวก ดังนี้

( + ) Tourism, Aviation (CENTEL, ERW, MINT, AAV, BA) : เราประเมินว่ากลุ่มโรงแรมและสายการบินจะได้ประโยชน์โดยตรง โดยกลุ่มโรงแรมที่จะได้รับประโยชน์เรียงจากมากไปน้อยตามสัดส่วนโรงแรมในประเทศไทย คือ ERW, CENTEL, MINT โดยเรามองว่าระยะสั้นเก็งกำไร ERW (ถือ/เป้า 3.60 บาท) และ CENTEL (ถือ/เป้า 25.00 บาท) ได้ ส่วนกลุ่มสายการบินที่จะได้ประโยชน์มากสุด ได้แก่ AAV (ถือ/เป้า 2.00 บาท), BA


( + ) Healthcare (BCH, BDMS) : เราประเมินเป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาล และเราคาดว่า BCH (ซื้อ/เป้า 19.60 บาท) และ BDMS (ถือ/เป้า 21.10 บาท) จะได้รับประโยชน์มากที่สุด โดย BCH จะได้รับผลบวกมากที่สุดหากปลายทางเครื่องบินเหมาลำลงที่กรุงเทพและปริมณฑล และ BDMS จะได้รับผลบวกมากที่สุดหากปลายทางเครื่องบินเหลาลำลงที่ จ.ภูเก็ต


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X