> คิดเป็นเห็นก่อน >

25 กันยายน 2020 เวลา 06:20 น.

STGT หุ้นยอดฮิต ทั้งไทยและเทศ

หุ้นสุดฮอต ยอดฮิตของนักลงทุนเวลานี้ คงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ บมจ. ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ที่ยังสร้างความร้อนแรงต่อเนื่อง ราคาหุ้นหลังลงมาพักตัวระยะหนึ่งก็เริ่มโชว์ฟอร์มร้อนแรงอีกครั้ง สวนทิศทางตลาดที่ดูซบเซา ทรงๆทรุดๆในช่วงนี้ STGT ดูจะโดดเด่นที่สุดในสายตาของนักลงทุน ทั้งจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ที่แข็งแกร่งสร้างสถิติใหม่ในรอบ 30 ปี


นอกจากนี้ ผลงานยังเข้าตากองทุนยักษ์ใหญ่ EMPLOYEES PROVIDENT FUND จากประเทศมาเลเซีย ที่เดินหน้าเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม รวมถึงปริมาณการซื้อสะสมของนักลงทุนต่างชาติผ่าน NVDR จากข้อมูล ในช่วงเดือน ก.ค. 63 STGT มีมูลค่าซื้อมากที่สุดถึง 1,493 ล้านบาท ราคาซื้อเฉลี่ย 76.36 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นในธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อ จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดภาวะการขาดแคลนถุงมือยางทั่วโลกซึ่งในอุตสาหกรรมผลิตถุงมือยางไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของ STGT ในฐานะผู้ผลิตถุงมือยางอันดับต้นๆ ของโลก โดยในไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมายอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลกว่า 480% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย แนวโน้มการเติบโตของ STGT จึงสดใสอย่างมากเลยทีเดียว


ขณะที่จุดแข็งที่ทำให้ STGT มีเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ จากความได้เปรียบในแง่ของต้นทุนวัตถุดิบ เนื่องจากการมี บริษัทแม่ คือ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STAที่สามารถป้อนวัตถุดิบให้ STGT ได้ตามความต้องการและมีราคาต้นทุนที่ได้เปรียบ ยิ่งราคาถุงมือยางในตลาดพุ่งสูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ กำไร หรือมาร์จิ้น ที่ดีจะมาตกแก่STGT โดยปริยาย


อีกทั้ง จากความต้องการถุงมือยางที่ยังเพิ่มสูงขึ้นถึงแม้จะมีความคืบหน้าด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนแล้วก็ตามแต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้ออเดอร์ถุงมือยางลดลงแต่อย่างใด ปัจจุบัน STGT มีออเดอร์ถุงมือยางธรรมชาติที่ต้องผลิตเพื่อส่งมอบถึงช่วงปลายปี 64 และถุงมือยางไนไตรล์ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ มีออร์เดอร์ที่ต้องส่งมอบถึงต้นปี 65 หลังมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ


ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเดินมีการเครื่องจักรเต็มกำลังการผลิตที่กว่า 32,600 ล้านชิ้น/ปี ทำให้ล่าสุดทาง บริษัทมีการปรับแผนการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตให้เร็วขึ้น โดยวางเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งอีกกว่า 38,000 ล้านชิ้น/ปี รวมเป็นประมาณ 70,000 ล้านชิ้น/ปีภายในปี 69 จากแผนงานเดิมกำหนดไว้ภายในปี 2571


อย่างไรก็ดี หลังภาวะตลาดในภาพรวมที่ยังดูไม่ค่อยดีนัก ทำให้นักลงทุนเน้นเลือกหุ้นที่จะเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะในหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี และคาดแนวโน้มในอนาคตยังสามารถเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ซึ่ง STGT เองจัดเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจเข้าลงทุนอย่างหนาแน่น ประกอบกับมุมมองของนักวิเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีต่อหุ้นตัวนี้ก็เป็นไปในทิศทางเชิงบวกแทบทั้งหมด โดยพิจารณาจากราคาเป้าหมายที่แต่ละสำนักให้เอาไว้ ช่วง 90-140 บาทต่อหุ้น ยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจลงทุนได้ไม่ยาก จากราคาหุ้นปัจจุบันที่มีอัพไซด์เหลืออีกมากด้วยนั่นเอง


สุดท้าย การพิจารณาหุ้น STGT ในแง่ของปัจจัยพื้นฐาน และการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ยุคNew Normal ความต้องการถุงมือยางยังมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อไปได้ แม้เรื่องของการระบาดจะจบลงแล้วก็ตาม การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเรื่องการรักษาความสะอาด รวมถึงในกิจกรรมทางการแพทย์ ที่ยังไม่สามารถหาสินค้าที่จะมาทดแทนถุงมือยางได้ ก็คงไม่ต้องวิตกอะไรมากมาย รวมถึงโอกาสที่ STGT จะก้าวขึ้นไปครองเจ้าตลาดในอุตสาหกรรมก็จะยิ่งเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วย โชคดีครับ

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X