ทันหุ้น –สู้โควิด –BCPG จับตาผลงานไตรมาส 3/2563 พีคสุด หลังเข้าไฮซีซันธุรกิจในญี่ปุ่น-ลาว หนุนความต้องการใช้ไฟฟ้าขยายตัว วางเป้า 5 ปีใช้เงินลงทุน 4 หมื่นล้านบาท ขยายธุรกิจ-ซื้อกิจการ พร้อมปักธงรักษษาระดับเติบโต EBITDA ไม่ต่ำกว่า 13-15% ต่อปี ชี้ปี 2564 ลงทุนโครงการใหม่มากสุด

นายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2563 เชื่อว่าจะเติบโตดีสุดในปี 2563 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ด้วยปัจจัยของฤดูฝนทำให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ Nam San 3A และโครงการ Nam San 3B ในสปป.ลาว จะมีน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นทำให้มีการผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ซึ่งอัตราการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้านับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 78-79% หนุนรายได้จากการขายไฟฟ้าสูงขึ้น ในขณะที่ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายที่ในระดับเท่าเดิม

*ไฮซีซันหนุน

สำหรับโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นที่ COD ไปแล้วจำนวน 14.70 เมกะวัตต์ เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะไม่ได้รับผลกระทบจากการลดจำนวนวันผลิตไฟฟ้าตามกำหนด 30 วันต่อปีของภาครัฐ โดยครึ่งปีแรก 2563 ได้หยุดไปแล้ว 25 วัน ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลมภายในประเทศไทยนั้น ยังคงเดินเครื่องผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ทำให้มีการรับรู้รายได้เข้ายังสม่ำเสมอต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2563 แม้ว่าค่าแสงจะลดลงบ้างในช่วงฤดูฝน

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 220 กิโลโวลต์ จากโครงการเขื่อน Nam San 3A และ Nam San 3B ในสปป.ลาว เพื่อส่งไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนาม ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปราว 12-13% และคาดว่าต้องใช้เวลาในการดำเนินการต่อไปอีกราว 18 เดือน จึงจะเริ่มร้อยสายไฟฟ้าในลำดับถัดไป ทั้งนี้ บริษัทจะสามารถขายไฟฟ้าได้ตามแผน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมไฟฟ้าเข้ากับเขื่อนอื่นๆ เพื่อนำมาร่วมใช้สายส่งดังกล่าวที่สามารถรองรับได้ถึง 500 เมกะวัตต์ ในอนาคต ทั้งนี้ คาดว่าโครงการฯ ดังกล่าวจะดำเนินงานเชิงพาณิชน์ภายในปี 2566

*อัด 5 ปี 4 หมื่นล้าน

สำหรับแผนการดำเนินงานในระยะ 5 ปีต่อจากนี้ไป (2564-2568) บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 40,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจและการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการพัฒนาและก่อสร้างโรงไฟฟ้าเบื้องต้นบริษัทคาดว่างบลงทุนดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในปี 2564 มากที่สุด ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปีที่ใช้เยอะที่สุดในการขยายธุรกิจ เนื่องจากในปี 2566 และ 2567 บริษัทจะมีรายได้จากค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (adder) จะทยอยหมดหลายโครงการ

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 13-15%ต่อปี อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่า EBITDA จากการดำเนินงานทั้งปี 2563 ขยายตัวประมาณ 20% จาก 2.95 พันล้านบาท ในปี 2562 จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการพลังน้ำในสปป.ลาวทั้ง Nam San 3A (เริ่มรับรู้เดือนกันยายน 2562) และ Nam San 3B (เริ่มรับรู้เดือนกุมพาพันธ์ 2563)

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1