ทันหุ้น - PORT เผยไตรมาสที่ 3/2563 วอลลุ่มตู้คอนเทนเนอร์เริ่มกลับมามากขึ้น คาดเเตะระดับ 80% จากช่วงก่อนมีสถานการณ์โควิด- 19 ยังมองภาพรวมครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าครึ่งปีเเรกเเน่นอน พร้อมเดินโครงการ ท่าเรือพาณิชย์ระหว่างประเทศ - โครงการก่อสร้างคลังสินค้า คาดเปิดให้บริการปี 2564 ส่วนประมาณการรายได้ปีนี้ลดลงจากปีก่อน 10%
นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด(มหาชน) หรือ PORT เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเชื่อว่าจะเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากการที่เห็นสัญญาณการเพิ่มขึ้นของวอลลุ่มการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ในช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2563 ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทำให้บริษัทคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3/2563 คาดว่าวอลลุ่มการขนส่งจะเพิ่มขึ้นมาที่ 80% เทียบกับช่วงก่อนมีสถานการณ์โควิด
บริษัทยังเดินหน้าแผนการลงทุนในโครงการ Bangkok River Terminal (ท่าเรือพาณิชย์ระหว่างประเทศ) เพื่อรองรับการเพิ่มปริมาณงานของคอนเทนเนอร์และ ขยายขีดความสามารถในบริการเทอร์มินัล บนพื้นที่กว่า 72,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 โดยการลงทุนครั้งนี้บริษัทถือหุ้นที่ 38%
เเละนอกจากนี้บริษัทได้ร่วมกับ Frasers property สัดส่วนการถือหุ้นที่ 75% ส่วน PORT มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 25% ในโครงการก่อสร้างคลังสินค้า (Bangkok Logistic Park) มูลค่า 600 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทั้งคู่ค้ารวมถึงผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ผู้นำเข้าผู้ส่งออก ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ และผู้ให้บริการจัดส่ง ซึ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจดิจิทัล คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2564
สำหรับรายได้ในปี 2563 บริษัทคาดว่ารายได้จะปรับตัวลดลง 10% จากเดิมคาดว่าจะลดลงที่ 5%จากปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 1,558.91 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 102.19 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม 325.65 ล้านบาท ลดลง 15.04 % บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 383.29 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 76.76 ล้านบาท ลดลง 17.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 8.59 ล้านบาท ลดลง 61.87% จากกำไรสุทธิ 22.53 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท ไตรมาส 2 ปี 2563 เท่ากับ 7.97 ล้านบาทปรับตัวขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีกำไรสทุธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯเท่ากับ 6.21 ล้านบาท
เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้หลายประเทศมีมาตรการปิดเมือง (Lockdown) และมีมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าส่งออกเกิดการหยุดชะงักเป็นการชั่วคราวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2563 ประกอบกับประเทศจีนถือเป็นตลาดหลักจึงมีผลต่อปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรืออย่างมีนัยยะสำคัญ
ถึงแม้ว่าบริษัทจะอยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบตามประกาศห้ามออกจากเคหะสถาน หรือ เคอร์ฟิว แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจของทั่วโลกที่ชะลอตัว การนำเข้าส่งออกที่ลดลง และแรงงานที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนในภาวะปกติ จึงส่งผลกระทบต่อปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายไปมากแล้ว
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม