> SET > STGT

17 กันยายน 2020 เวลา 08:00 น.

STGTดีมานด์รั้งไม่อยู่ 7หมื่นล.ชิ้นมาเร็วขึ้น

ทันหุ้น-สู้โควิด : STGT เร่งแผนลงทุนหลังประเมินความต้องการถุงมือยางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ออเดอร์ยาวถึงต้นปี 2565 แล้ว เร่งเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเร็วกว่าแผนเดิม คาด 7 หมื่นล้านชิ้นต่อปีจะเห็นในปี 2569 จากเดิมปี 2571 มั่นใจวัคซีนต้านโควิด-19 จะไม่กระทบต่อความต้องการ และราคาขายช่วง 1-2 ปีนี้ โบรกเกอร์มอง STGT ราคายังต่ำกว่าภูมิภาค


นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติ และถุงมือยางไนโตรล์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เปิดเผยว่า จากความต้องการถุงมือยางที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้ปรับแผนการลงทุน โดยเร่งเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเร็วกว่าแผนเดิม เป็นประมาณ 70,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2569 จากแผนเดิมจะอยู่ในปี 2571 ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่กว่า 32,600 ล้านชิ้นต่อปี  คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมประมาณ 24,000 ล้านบาท


ปัจจุบันนี้มีออเดอร์ถุงมือยางธรรมชาติที่ต้องผลิต เพื่อส่งมอบถึงช่วงปลายปี 2564 ส่วนถุงมือยางไนโตรล์ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ มีออเดอร์ที่ต้องส่งมอบถึงต้นปี 2565


ทั้งนี้พบว่ายังสามารถขยายตลาดไปยังประเทศที่กำลังพัฒนาได้อีกมาก  เมื่อพิจารณาจากปริมาณการใช้ของผู้บริโภคในประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีอัตราการใช้ 100-150 ชิ้นต่อคนต่อปี ส่วนประเทศที่กำลังพัฒนามีอัตราการใช้ 4-10 ชิ้นต่อคนต่อปี โดยมั่นใจว่าภาพรวมความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณเฉลี่ยปีละ 15-20% ต่อปี เทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8-12% ต่อปี


สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนโตรล์ ไม่กังวลว่าจะขาดแคลน เนื่องจากบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และเป็นผู้ผลิตน้ำยางข้นรายใหญ่ของไทย สามารถป้อนวัตถุดิบให้แก่บริษัทได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนยางสังเคราะห์นั้นมีพันธมิตรของบริษัทให้การสนับสนุน


**วัคซีนไม่กระทบดีมานด์


ด้านนางสาวธนวรรณ เสงี่ยมศักดิ์ กรรมการและผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิต ในระยะสั้นได้วางเป้าหมายในปี 2564 จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 10%และในปี 2565 กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 30%ดังนั้นในช่วง 2 ปีข้างหน้ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเกือบ 40%ตามความต้องการใช้ถุงมือยางที่มีอย่างมาก


นอกจากนี้มองว่าแม้จะมีการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ออกมาแล้ว แต่ก็เชื่อว่าความต้องการถุงมือยางก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะด้านธุรกิจการแพทย์ยังต้องใช้ รวมถึงในยุค New Normal ทำให้พฤติกรรมคนเปลี่ยนไป และถุงมือยางมีการใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากด้านการแพทย์ด้วย เช่น ธุรกิจร้านอาหาร อิเล็กทรอกนิกส์ และโลจิสติกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ


ส่วนราคาขายเฉลี่ยถุงมือยางก็ยังอยู่ในระดับดีต่อเนื่อง เชื่อว่าในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าราคาขายเฉลี่ยจะยังอยู่ในระดับที่ดี ขณะที่ต้นทุนก็มีการบริหารจัดการที่ดี จากการเพิ่มกำลังการผลิตทำให้เกิด economy of scale คาดปีนี้รายได้และกำไร จะทำสถิติสูงสุด หลังจากที่ครึ่งปีแรกผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตอย่างมาก


**ราคาหุ้นยัง Laggard


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด แนะนำหุ้น STGT โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 100 บาทต่อหุ้น มองว่าราคาหุ้น STGT ในปัจจุบันยังปรับตัวขึ้นมาน้อยกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันในภูมิภาค หรือ Laggardเมื่อเทียบกับหุ้น Top Glove และหุ้น Supermax ขณะที่กำไรในงวดไตรมาส 3/63 คาดจะทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 258.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 และเพิ่มขึ้น 2,965.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  สาเหตุที่กำไรเติบโต สาเหตุหลักมาจากแนวโน้มราคาขายถุงมือยางปรับเพิ่มขึ้นโดดเด่น โดยราคาหุ้นปัจจุบันมีค่าพี/อี เรโช ปี 2563 เพียง 10 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ประกอบการถงมือยางรายใหญ่ในมาเลเซียย้อนหลัง 5 ปีที่ 26 เท่า

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X