> เป้าลงทุน หุ้นคาร์บอนต่ำ >

17 กันยายน 2020 เวลา 00:00 น.

เข้าหลุมหลบภัยมาที่กลุ่มหุ้น defensive

สวัสดีครับท่านผู้อ่านตลาดหุ้นบ้านเรา หรือ SETมีการปรับลงให้เริ่มเห็นชัดขึ้น ตามที่ผมเคยให้ระวังไว้ว่า SET จะมี downside ให้หลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1290-1300 จุด ลงมา และ SET จะเข้าสู่ทิศทางลงได้ต่อ โดยมีปัจจัยกดดันจากประเด็นต่างๆ ดังนี้


1) การปรับฐานของตลาดต่างประเทศ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ จนมีความกังวลด้าน Valuation ที่เริ่มแพง นอกจากนี้ ประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงเดือนพ.ย. จะเป็นตัวกระตุ้นแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงเวลาดังกล่าว


2) การปรับลงของราคาน้ำมัน ด้วยความกังวลด้านอุปสงค์ และผู้ผลิตรายใหญ่อย่างซาอุฯ ประกาศลดราคาขายน้ำมันในเดือนต.ค. เป็นปัจจัยกดดันราคา ซึ่งจะกดดัน SET ผ่านกลุ่มน้ำมัน โรงกลั่น และปิโตรเคมี ซึ่งผมยังแนะนำให้ลดน้ำหนัก หรือหลีกเลี่ยงกลุ่มนี้ โดยยังไม่ถึงเวลาซื้อนะครับ


3) การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ โดยเฉพาะภายในประเทศ ซึ่งเริ่มเห็นการพบผู้ติดเชื้อ ได้สร้างความกังวลต่อการ Lockdown ในระลอก 2 ซึ่งจะซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดจากการแพร่ระบาดในรอบแรก


4)ปัญหาเสถียรภาพการเมืองในประเทศ ซึ่งคาดจะกดดันให้ภาวะตลาดหุ้นไทยยังไม่จบขาลง และมีกรอบการขึ้นจำกัดมากขึ้น


เนื่องจากขณะนี้มีเพียงแค่ปัจจัยบวกเดียวที่ช่วยพยุงตลาด คือ ข่าวความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นได้เพียงระยะสั้น ทำให้สุดท้ายแล้ว SET ยังมี downside ให้ปรับลงได้ต่อ โดยผมมองแนวรับถัดไปของ SET อยู่ที่ 1270 1250 และ 1220 จุด ตามลำดับ ส่วนการฟื้นตัวมีกรอบบนจำกัดแถวบริเวณ 1300-1320 จุด ทั้งนี้กลุ่มหลักที่แนะนำให้ลดน้ำหนักลงทุน ได้แก่ กลุ่มขนส่ง (BTS, BEM) กลุ่มโรงแรม (ERW, MINT, CENTEL)กลุ่มสายการบิน (AAV BA THAI)และกลุ่มห้างสรรพสินค้า (CRC, CPN, BJC) ซึ่งว่าคาดได้รับผลกระทบจากความกังวลโควิด-19 ระบาดรอบใหม่


ขณะที่กลุ่มหุ้นที่มองว่ายังปลอดภัยหากเข้าซื้อลงทุน และน่าสนใจ ในช่วงตลาดปรับฐาน หรือเผชิญด้วยหลายปัจจัยลบ จะหนุนให้เม็ดเงินย้ายเข้ามาในกลุ่มหุ้น Defensive ซึ่งได้แก่ หุ้นที่ผลประกอบการมีความแน่นอนสูงและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง (TTW, DIF) หุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีประเด็นเกี่ยวกับการเติบโตสนับสนุน (BCH, ADVANC, CPALL) และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงมากนักอย่าง (GULF, BGRIM, RATCH) นำมาซึ่ง Stock picks ซึ่งทางด้านกลยุทธ์ แนะนำย้ายเข้าหลุมหลบภัยในช่วงตลาดปรับฐาน ในกลุ่มหุ้น defensive โดยแนะนำ 5 หุ้นเด่น ได้แก่


1) DIF ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเฉลี่ย 7% ในปี 63 และ 64 ขณะที่ yield spread สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อน Valuation ไม่แพง นอกจากนี้ คาดยังไม่มีแรงกดดันจากแรงเทขายจาก TRUE จนกว่าจะถึง 1Q64


2) BCH มองผลการดำเนินงานจะดีขึ้นใน 2H63 จากการกลับมาใช้บริการของผู้ป่วยคนไทย และบริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ค่อยๆ ฟื้นตัว รวมทั้งบริการตรวจวิเคราะห์ COVID-19 สร้างรายได้เพิ่มเติมต่อเนื่อง


3) ADVANCโดย 2H63 คาดผลประกอบการฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุดใน 2Q63 ไปแล้ว จากแนวโน้มการแข่งขันในระบบเติมเงินผ่อนคลายลง ส่วน 4Q63 มี upside ส่วนเพิ่มจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี


4) BGRIM ผู้บริหารคาด 2H63 ดีกว่า 1H63 หนุนจากต้นทุนก๊าซฯ ลดลงหลังเตรียมนำเข้า LNG มาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า การขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมฟื้นตัวขึ้น และมีโอกาสได้ดีล M&A เข้ามารับรู้ได้ทันที


5)BAM คาด 2H63 เติบโตแบบ V-Shape ต่อเนื่องปี 64 หนุนจากความต้องการ NPA เพิ่มขึ้น และแก้ปัญหา NPL ได้มากขึ้น บวกกับ upside จากผลประโยชน์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี คาด Div.Yieldปีนี้อยู่ที่ 4.8%...และพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ ด้วยรักและหวังดี

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X