ทันหุ้น -AI หลังปรับปรุงการผลิตลูกถ้วยไฟฟ้าใหม่ ดันอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 2/2563 พุ่งกระฉูด 53.8% มั่นใจไตรมาส3/63 ไปต่อ เตรียมประมูลงานเดือน ต.ค.2563 กว่า 1,000 ล้านบาท ด้าน บ.ลูก AIE ยอดขายโตแรง ราคาปาล์มนิ่ง หนุนรายได้โต 10%

นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้มีการปรับปรุงการผลิตลูกถ้วยไฟฟ้า โดยเริ่มตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 1/2563 พบว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเทียบจากไตรมาสที่ 1/2563 อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 47.8% ส่วนไตรมาสที่ 2/2563 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 53.8% ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวมทั้งปีบริษัทยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะหยุดที่ตัวเลขเท่าใดแต่เชื่อว่าจะสูงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

โดยบริษัทยังมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 600 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมประมูลงานเพิ่มเติมในช่วง เดือนตุลาคม 2563 อาทิ งานโครงการจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, รวมถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาในช่วงต้นปี2564

สำหรับภาพรวม บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1/2563 บริษัทสามารถพลิกมีกำไร และปัจจุบันมียอดขายที่เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการใช้น้ำมันกลับมามียอดขายสู่ระดับปกติ หลังการล็อกดาวน์เมืองในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองภาพรวมทั้ง 2 ธุรกิจทั้ง AI และ AIE ในช่วงครึ่งปีหลัง2563 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้รายได้รวมปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีที่ผ่านมารวมถึงอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการปรับกลยุทธ์ภายในบริษัท

สำหรับไตรมาส 2/2563 AI มีกำไร 154.90 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 152.62 ล้านบาท หรือ 6,693.86% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 2.28 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 1,350.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.07% สาเหตุที่ผลประกอบการเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมีรายได้จาการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลูกถ้วยไฟฟ้าและวัตถุดิบในไตรมาส 2/2563 จำนวน 257.33 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 80.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 218.60% โดยมีกำไรขั้นต้น 138.60 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น และมีต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากการประหยัดจากขนาดของการผลิต Economy of Scale และ Yield การผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น