ทันหุ้น-สู้โควิด- กูรูชี้ ACE ไม่ได้รับผลกระทบจากการพ้นจากตำแหน่งของ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา แนะดูพื้นฐานเป็นหลัก ด้าน 3 โบรกมองตรงกันชี้ราคาปัจจุบันสุดถูก เทียบเป้าสูง 4.50-5 บาท ยังไม่รวมโครงการในอนาคตที่จะเข้ามา ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชน การซื้อกิจการ ชี้จุดเด่นพื้นฐานดีลดต้นทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลได้ต่อเนื่อง ดันมาร์จิ้นเขยิบสูง

นายธวัชชัย อัศวพรไชย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีการพ้นจากตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อหุ้นบริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE และตลาดก็ไม่ได้ตื่นตระหนก ซึ่งนักลงทุนควรที่จะเข้าไปดูในพื้นฐานของบริษัทมากกว่า หากปัจจุบันราคาถูกกว่าพื้นฐานมาก ก็เป็นจังหวะซื้อ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อเส้นทางการเติบโตของ ACE แม้ว่ากรอบเวลาโครงการจะเผชิญกับความท้าทายจากการที่โรงไฟฟ้า SPP Hybrid จะล่าช้า 3-6 เดือน แต่ก็ได้รับชดเชยบางส่วนโดยกําไรจากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ซื้อมาใหม่ 3 แห่ง อย่างไรฝ่ายวิจัยก็ได้ปรับประมาณการกําไรปี 2564 ลดลง 18% และปี 2565 ลดลง 12% เพื่อสะท้อนความล่าช้า

@ SCBSให้เป้า 5 บาท

อย่างไรก็ดีแนะนำซื้อ ACE โดยมีเป้าหมาย 5 บาท/หุ้น มีอัพไซด์จากการที่ ACE สามารถลดต้นทุนวัตถุดิบของโรงไฟฟ้าชีวมวลลงผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและปรับส่วนผสมเชื้อเพลิงต้นทุนวัตถุดิบ/MWh ที่ใช้ในการผลิตลดลง 22.5% ตั้งแต่ปี 2560 สู่ระดับเพียง 1.24 บาทและโรงไฟฟ้าบางแห่งอยู่ต่ำกว่า 1 บาทขึ้นอยู่กับปริมาณวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่บริษัทวางแผนลดต้นทุนวัตถุดิบลงอีกสู่ 1.22-1.23 บาท/KWh ในครึ่งปีหลัง2563 ซึ่งจะหนุนให้อัตรากําไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มขึ้น 0.20%-0.50% จาก 38% ในครึ่งปีแรก และ ACE จะได้รับประโยชน์ จากนโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและสนับสนุนเกษตรกรท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกตํ่าสืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านทางโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน

สำหรับราคาเป้าหมายที่ 5 บาทยังไม่ได้รวมโครงการในอนาคตทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้าขยะเข้ามาหุ้น ACE ซื้อขายที่ PE 11 เท่าสําหรับปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่โครงการที่ยืนยันทั้งหมด

@TNSชี้สุดถูกเป้า 4.60 บ.

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ระบุว่า แนวโน้มของ ACE ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง จาก 1) อัตรากำไรของโรงไฟฟ้าเดิมที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตต่อเนื่อง 2) กำลังการที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงสองปีข้างหน้าจากการทยอยเริ่มด าเนินงานของโรงไฟฟ้าที่มีสัญญา PPAแล้ว และ 3)โอกาสการเติบโตจากการได้ PPA ใหม่ และการซื้อกิจการ

โดยบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินงานแล้ว 175MW หรือ 48% ของสัญญาการผลิตในมือ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวล 75MW โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 92MW โรงไฟฟ้าขยะชีวภาพ 5MW และมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 193MWหรือ 52% ของสัญญาการผลิตในมือ ทั้งนี้หลังประเทศเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติหลังการ lockdown บริษัทฯจะเข้าเจรจากับ กฟภ. เพื่อสรุปรายละเอียดของ PPA ที่ได้รับคืนมารวม 88MW อีกครั้งในเดือนกันยายนโดย ACE ตั้งเป้าว่าทั้ง 11 โครงการนี้จะเริ่มดำเนินงานได้ภายในปี 2565 และ ACE ยังมองโอกาสการทำ M&A ต่อเนื่อง แม้จะเพิ่งลงนามในสัญญาซื้อขายโรงฟ้าชีวมวล 21.5MW

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ACE เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันเทียบเท่าว่า ACE จะได้สัญญา PPA เพิ่มเพียง 50MW จากที่จะเปิดรับเพิ่ม 1100MW โดยบริษัทฯตั้งเป้าจะได้สัญญา PPA เพิ่มขึ้น 500MW ส่วนมูลค่าพื้นฐานของเราที่ 4.60บาทต่อหุ้น ใช้สมมติฐานว่า ACE จะได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มมา 250MW

@KS แนะซื้อเป้า 4.50 บ.

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท โดยลดราคาเป้าหมายลงจาก 4.60 บาท โดยมองว่า ACE จะเข้าสู่วัฎจักรการลงทุน (capex) ระดับสูงในปี 2564-65 ล่าช้ากว่ากาหนดการเดิมคือในปี 2563-64 เราคาดว่าปัจจัยหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิระยะสั้นจะมาจากการซื้อทรัพย์สินของ UWC และปัจจัยหนุนในระยะยาวจะมาจากการขยายกำลังการผลิต ACE มีกำลังการผลิตรวม 207 MW ที่จะเริ่มผลิตในปี 2564-65 และเราคาดว่าจะเห็น upside หากกระทรวงพลังงานคงเป้าสัญญาPPA ของโรงไฟฟ้าชุมชนไว้ตามเดิม