โบรกส่อง SET เน้น “ลงซื้อ ขึ้นขาย” เคาะแนวรับ 1,300 เป็นจุดพิจารณาซื้อเล่นรอบ

ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.เอเอสแอล ส่องแนวโน้มการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงจากความกังวลการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ 1 ราย และกำลังสืบสวนผู้ใกล้ชิดซึ่งผลยังไม่เกิดการติดต่อแต่ยังคงต้องติดตามในระยะเวลาอีก 14 วัน โดยแนวรับสำคัญ 1,300-1,292 เป็นจุดพิจารณาเข้าซื้อเล่นรอบคาดมีโอกาสกลับตัวขึ้นจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนโดยแอสเซนเนก้าและมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดอีกตัวหนึ่งพัฒนาโดยซีเอสแอลร่วมกับมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์กลุ่มท่องเที่ยวขนส่งกลุ่มยานยนต์เป็นเป้าหมายของแรงซื้อเล่นรอบ

กลยุทธ์การลงทุน

SET กลับตัวขึ้นทดสอบไม่ผ่านยืนSMA 25 วัน (สร้างจุดสูง1,322.66) เกิดแรงขายทำรอบลงปิดตัวด้วยแท่งเทียนสีดำยาวแสดงถึงแรงขายลดความเสี่ยงหรือขายทำรอบสอดคล้องกับปริมาณการซื้อขายไม่เพิ่มขึ้นำตามแนวโน้มระยะสั้นปรับตัวลงทดสอบ 1,308 และ 1,300 เป็นจุดพิจารณาซื้อเล่นรอบเมื่อยืนเหนือ

แนวรับ 1,308 / 1,300 แนวต้าน 1,322 / 1,330 ตัดขาดทุน < 1,292 คำแนะนำถือหรือซื้อเล่นรอบระยะสั้นเน้นยืนแนวรับบริเวณ 1,300-1,292ได้เท่านั้น

**บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดกรอบดัชนีฯ (8-11 ก.ย.63) 1300-1340 จุด การติดเชื้อ Covid-19 ถูกลดน้ำหนักลงด้วยวัคซีนใกล้สำเร็จ+กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่การขายหุ้น Tech ของสหรัฐฯอาจฉุดให้หุ้นกลุ่มนี้ในตลาดอื่นลดลง  ประเด็นในประเทศคือ รอมาตรการใหม่ๆ (ที่มีประสิทธิผล) ยังตั้งรัฐมนตรีคลังไม่ได้ และการชุมนุมของ นศ. คอยกดดันตลาด 

กลยุทธ์ จะเน้นรอบสั้น “ลงซื้อ ขึ้นขาย” จับประเด็นหุ้นมีข่าวบวกสนับสนุน  Covid-19 มีความคืบหน้าวัคซีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มด้วย ทำให้แต่ละประเทศยังเปิดให้เดินทางไม่ได้  แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ดีขึ้น PMI+ISM ออกมาดี (ดีต่อ ปิโตรเคมี ส่งออก ของไทย) Saudi Aramco ปรับลดราคาน้ำมันดิบ เดือน ต.ค.ลง $1.4 เหรียญ/บาร์เรล ลบต่อผู้ผลิตน้ำมัน (PTTEP) และโรงกลั่นน้ำมัน

ประเด็นที่นักลงทุนในไทยสนใจมากที่สุด คงเป็นการเมืองในประเทศ รอดูผู้ที่จะเข้ามาเป็น รมว.คลัง ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการออกมาตรการต่างๆ   Event สำคัญ  GDP 2q ของญี่ปุ่น(7)และอียู(8)  ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย (10) ประชุม ECB(10)

#Strategy

ดัชนีฯ น่าจะยังไปหนไม่ได้ไกล ความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจทำให้นักลงทุนลังเล  ติดปัจจัยลบในประเทศ การลงทุนจะเน้นรอบสั้น “ลงซื้อ ขึ้นขาย” จับประเด็นหุ้นมีข่าวบวกสนับสนุน หรือหุ้นที่อิงกับการฟื้นตัวในภาคการผลิตของต่างประเทศ (สินค้าไอที-อีเล็คทรอนิคส์-ส่งออก-ยางพารา) ขณะที่ลดการถือหุ้นที่เคยได้ผลบวกจาก Covid-19 ลง พอร์ตหุ้น เราขาย CPF และเพิ่ม SCC เข้ามาแทน โดยพอร์ตหลักจะประกอบด้วย HANA*(10%), ICHI*(10%), ILM*(10%), NER (20%), COM7 (20%) ส่วนพอร์ต KTBST SET50 Skynet  มีหุ้น SCC(10%), LH*(10%), PTTGC (10%), SAWAD(20%)

#Strategy top picks

SCC  (เป้าเชิงกลยุทธ์ 380 บาท)  –  spread ปิโตรเคมีดีขึ้น เตรียมนำ SCGP เข้าตลาด

-Spread ของ HDPE-Naphtha ของ SCC ล่าสุด $552 เหรียญ   ฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ จากที่ลงไปต่ำสุด 1Q-20 แม้ spread ดูจะต่ำกว่า 2Q-20 ที่ได้อานิสงค์จากราคาวัตถุดิบที่ต่ำ แต่ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งภาคอสังหาฯและปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น จะทำให้กำไรตั้งแต่ 3Q เป็นต้นไปดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก

-การเข้ามาจดทะเบียนของธุรกิจ Packaging หรือ SCGP ช่วงเดือน ต.ค. โดยให้สิทธิผู้ถือหุ้น SCC จองซื้อหุ้นตัวนี้ กำหนดอัตราส่วน 7.0950 หุ้น SCC ต่อ 1 หุ้น IPO ของ SCGP ขึ้น “XB”  10 กันยายน 2563 น่าจะทำให้ราคาหุ้น SCC ขยับขึ้นก่อนขึ้นเครื่องหมาย

-SCGP ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตดี สัดส่วน EBITDA อยู่ประมาณ 22% ของ EBITDA รวมของ SCC

Technical : EPG, CHAYO

**บล.ไทยพาณิชย์ ประเมิน SET ปรับตัวลง โดยในช่วงตลาดบ้านเราปิดทำการ ตลาดหุ้นสหรัฐเกิดการปรับฐานลงแรงจากแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง จะกดดัน SET ผ่านกลุ่มน้ำมัน โรงกลั่น และ ปิโตรเคมี โดย SET มีแนวรับถัดไปที่ 1300 และ 1287 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1313 และ 1320 จุด   ด้านภาพรวมของ SET ยังอยู่ในทิศทางลง กลยุทธ์ พอร์ตลงทุนที่ได้เข้าซื้อบริเวณ 1300 จุด ในสัดส่วน 25% แนะนำถือต่อ เพื่อรอขายบริเวณ 1350 จุด ส่วนการเก็งกำไรยังต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวน

ล็อคเป้าลงทุน: หุ้น 4 theme ที่เราแนะนำไปก่อนหน้า ยังถือต่อได้ คือ 1) หุ้นที่ผลประกอบการมีความแน่นอนสูงและ Div. Yield สูง (TTW DIF) 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการพัฒนาวัคซีนและมาตรการท่องเที่ยวภาครัฐ (AOT BDMS ERW) 3) หุ้นพื้นฐานแกร่ง มีประเด็นเติบโตหนุน (BEM GFPT BCH ADVANC CPALL) 4) หุ้นโรงไฟฟ้าที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน (GULF BGRIM RATCH) โดย 5 หุ้นเด่นที่แนะนำ คือ ERW BCH BEM GFPT และ GULF

ขณะที่ CPALL เรายังคงมุมมองเชิงบวกจากการได้ประโยชน์มาตรการกระตุ้นการบริโภค ด้านแนวโน้มผลประกอบการ 3Q63 ยังเติบโตโดดเด่น จาก SSS ที่ฟื้นตัวดีขึ้นหลังคลายล็อคดาวน์

ประเด็นสำคัญ

# ตลาดสหรัฐปิดทำการวานนี้ ขณะที่วันศุกร์หุ้น Tech โดนขายหนัก

โดยสัปดาห์ที่แล้วหุ้น Tech ลดลงไป 4% จากความกังวลว่ามูลค่าหุ้นที่แพงเกินไป แม้ตัวเลขภาคแรงงานเดือน ส.ค. ที่ประกาศออกมาจะดีกว่าคาด คือ อัตราว่างงานอยู่ที่ 8.4% และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.37 ล้านตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่สามารถประคองตลาดได้

# โครงการ “คนละครึ่ง” ช่วยกระตุ้นการบริโภค

รัฐจะร่วมจ่ายเพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชน วงเงิน 3000 บาท 2 เดือนครึ่ง โดย ก.คลัง จะพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ เรามองบวกต่อกลุ่มค้าปลีกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค

# กลุ่มอสังหาฯ ได้ sentiment บวก หากภาครัฐผ่อนปรนมาตรการ

อาทิเช่น การยกเลิกมาตการ LTV, การลดค่าธรรมเนียมการโอน-ให้ขยายระดับราคาอสังหาฯ ขึ้น นอกจากนี้ยังเสนอโครงการ Thailand Best Second จูงใจชาวต่างชาติซื้ออสังหาฯ หลังที่สอง ด้วยการขยายเวลาเช่า เพิ่มสัดส่วนการซื้อคอนโดของต่างชาติ และขยายเวลาพำนักในไทยให้นานขึ้น เรามองเป็นประเด็นบวกในช่วงสั้นต่อ Developer ที่จะช่วยระบายสต๊อกอสังหาฯ ที่มีอยู่สูงได้

Wealth Strategy

ลงทุนหุ้นต่างประเทศ Xiaomi ผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยีหลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ยอดขายเติบโตสูง มีฐานลูกค้าหลายประเทศ และเป็นแบรนด์ที่ไม่เป็นประเด็นความตึงเครียดสหรัฐ-จีน จึงเป็นหุ้นที่มีค่า Beta เทียบ SET ที่ 0.75 ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1