ทันหุ้น –สู้โควิด –GULF เป้าอีก 7 ปีรายได้แตะ 1.5-1.7 แสนล้านบาท จากการทยอยCOD ไฟฟ้าเข้าระบบกว่า 14,385 เมกะวัตต์  ลุยศึกษาลงทุนโครงการใหม่ไม่หยุด คาดสิ้นปีนี้ได้ข้อสรุปลงทุนโครงการพลังงานน้ำที่ลาว 2-3 โครงการ กำลังการผลิตที่ 2-3 พันเมกะวัตต์ ภายใน 5 ปีอัดฉีดเงินลงทุน 1 แสนล้านบาท

นางสาวยุพาพินวังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า  คาดรายได้ปี 2570  อยู่ที่ 1.5-1.7 แสนล้านบาท จากปีนี้คาดมีรายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท จากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD)  ที่อยู่ระหว่างดำเนินการหลายโครงการและ งานโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงไฟฟ้า IPP ก๊าซธรรมชาติ GSRC ขนาดกําลังการผลิตติดตั้ง 2,650 เมกะวัตต์ ได้เริ่มดําเนินการก่อสร้างแล้ว มีความคืบหน้า 75.6%

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ระหว่างปี 2564-2565  ส่วนโรงไฟฟ้า IPP ก๊าซธรรมชาติ GPD ขนาดกําลังการผลิตติดตั้ง 2,650 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมงานก่อสร้าง และคาดเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 3/2563 นี้  และมีกําหนดเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ในระหว่างปี 2566-2567

*เดินหน้าก่อสร้างตามแผน

ส่วนโรงไฟฟ้าหินกอง ขนาดกําลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 1,400 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเตรียมลงนามสัญญา EPC โดยจะเริ่มการก่อสร้างในปี 2564 และมีกําหนดเปิดดําเนินการเชิงพาณิชย์ในระหว่างปี 2567-2568 ขณะที่โรงไฟฟ้าบูรพาพาวเวอร์ขนาดกําลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 540 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทํา EIA คาดอนุมัติภายในปี 2564  และเริ่มการก่อสร้างในปี 2568 มีกําหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2570

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Duqm Independent Power and Water Project (DIPWP) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 326 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าประ

มาณ 73.3% และมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในระหว่างปี 2564-2565

ขณะที่โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 จะเริ่มการก่อสร้างได้ภายในไตรมาส 4/2563โดยการถมทะเลมีกําหนดแล้วเสร็จในปี 2566 ส่วนโ

ครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 คาดสามารถลงนาม ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private Partnership) หรือ PPP กับการท่าเรือแห่งประเทศไทยได้ภายในสิ้นปี 2563 สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(M6 & M81) คาดลงนาม PPP ในเดือนกันยายน 2563นี้

*ดีลลงทุนโรงไฟฟ้าต่อ

อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทจะเติบโตได้ต่อเนื่อง คาดว่ากำลังการผลิตติดตั้ง(Installed Capacity) ปี 2570 จะมีกำลังการผลิตที่ 14,385 เมกะวัตต์ จากปีนี้ที่ 6,409 เมกะวัตต์ แต่หากคิดตาม Equity สำหรับปี 2570 จะมีจำนวนเมกะวัตต์ 8,098 เมกะวัตต์ จากปีนี้ที่ 2,959 เมกะวัตต์ โดยบริษัทยังมีอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในหลายประเทศ เช่น โครงการในประเทศเวียดนาม เช่นโครการ Gas to power, โครงการต่อเนื่องในประเทศโอมาน

นอกจากนี้ยังมีโครงการในยุโรป เช่นใน อังกฤษ เยอรมัน เนเทอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา ใต้หวัน รวมไปถึงโครงการในประเทศลาว อย่างเช่นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ขนาดกำลังการผลิต 2,000-3,000 เมกะวัตต์ จำนวน 2-3 โครงการ โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าไปถือหุ้นราว 30-35% และมีพันธมิตรจีนร่วมดำเนินการด้วย คาดโครงการดังกล่าวจะขายไฟฟ้ากลับมาให้ยัง EGAT ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องราคาค่าไฟฟ้า โดยจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาโครงการดังกล่าวราว 7 ปี และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2572-2573 ขณะที่เงินลงทุนจะอยู่ที่ 3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเมกะวัตต์

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าในระยะ 5 ปี (2563-2567) จะใช้เงินลงทุนราว 1 แสนล้านบาท โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนราว 4.5 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2564-2567 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนที่ราว 5.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการต่างๆ และยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มด้วยในอนาคต ส่วนแนวคิดในการลงทุนหุ้น บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือINTUCH โดยมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว เป็นการDiversify ธุรกิจ ซึ่ง INTUCH ถือว่าเป็นบริษัทที่ดี มีกระแสเงินสดที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

*โบรกชูเป้า 47 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง GULF ว่า เป็นหุ้นที่มีการเติบโต( Growth) และ Defensive ซึ่งคาดว่าจะแกว่งตัวได้แข็งแรงท่ามกลางตลาดฯที่ผันผวน แนวโน้มกำไร ครึ่งปีหลัง 2563 ฟื้นตัวดีและได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็ง ส่วนการเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จในวันที่ 18 กันยายน 2563 นี้และจะไม่มีปัจจัย Overhang ราคาหุ้น โดยกำไรส่วนเพิ่มจากการนำเม็ดเงินไปลงทุนโครงการใหม่ๆจะสามารถชดเชย Dilution 10% จากการเพิ่มทุนได้ทั้งหมด แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท