> SET > TU

02 กันยายน 2020 เวลา 08:30 น.

TUผงาด“เรดล็อบเตอร์” ควงMINT-Mดันแบรนด์

ทันหุ้น –สู้โควิด –TU ถือหุ้นใหญ่ “RLMH” หลังเข้าลงทุนเพิ่ม ในสัดส่วน 36% พร้อมผนึกพันธมิตรใหม่ Seafood Alliance เดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ เสริมความแข็งแกร่งให้แบรนด์ “เรด ล็อบเตอร์” สร้างการเติบโตในอนาคต ด้าน”ธีรพงศ์” เชื่อว่าธุรกิจมีศักยภาพในระยะยาว และผู้ร่วมทุนใหม่จะช่วยพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตได้


นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TUเปิดเผยว่า บริษัท Thai Union Investments North America LLC (TUINA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา ได้มาซึ่งหน่วยลงทุนสามัญจำนวน 1,040,000 หน่วย ซึ่งคิดเป็น 13.68% ของหน่วยลงทุนสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดก่อนการปรับลด ในบริษัท Red Lobster Master Holdings (RLMH) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร Red Lobster จากเดิมที่มีหน่วยลงทุนสามัญทั้งทางตรงและทางอ้อม จำนวน 2,500,000 หน่วย และ 2,400,000หน่วยลงทุนบุริมสิทธิที่แปลงสภาพได้


ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติให้ TUINA ซื้อหน่วยลงทุนสามัญเพิ่มเติม 1,040,000 หน่วย ใน RLMH จาก GGCOF RL Splitter, L.P. (Splitter) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของ Golden Gate Capital Opportunity Fund, L.P. (ธุรกรรม)


นอกจากการได้มาซึ่งสินทรัพย์เพิ่มเติมแล้ว TUINA ยังได้ทำข้อตกลงและเงื่อนไขอื่นๆ กับกลุ่มนักลงทุนใหม่ใน RLMH ด้วย ทำให้การสัดส่วนการถือหุ้นจะไม่เกินกว่า 25% ของหน่วยลงทุนที่ปรับลดแล้วทั้งหมด โดย TUINA จะยังคงมีหน่วยลงทุนบุริมสิทธิ์ 2,400,000 หน่วย (เทียบได้กับการเข้าลงทุนคิดเป็นสัดส่วนที่ปรับลดแล้วเท่ากับ 24% ของหน่วยลงทุนที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด) ของ RLMH


*ผนึกพันธมิตรใหม่


นอกจากนี้ยังได้ขายหุ้นใน Red Lobster ให้กลุ่มนักลงทุนใหม่ อยู่ภายใต้บริษัทชื่อ Seafood Alliance ในสัดส่วน 36% โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก Seafood Alliance ได้แก่ นายพอล เคนนี่ และนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ผู้บริหารที่นำประสบการณ์กว่า 75ปีในการบริหารธุรกิจร้านอาหารทั้งด้านกลยุทธ์ การบริหารจัดการ และการสร้างแบรนด์ โดยนายพอล เคนนี่ เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ ฟู้ด หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดใน และนายฤทธิ์ ธีระโกเมน ปัจจุบันตำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M   


หลังจากการทำธุรกรรมนี้ TUINA จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ RLMH ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 49% และด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ไทยยูเนี่ยนคาดว่าจะร่วมผลักดันและส่งเสริมแผนธุรกิจของ RLMH รวมถึงเพิ่มความร่วมมือกับไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ผลิต และการเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหารทะเลในสหรัฐอเมริกาและช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเติบโตและการพัฒนาต่อไป


ทั้งนี้ภายหลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ Red Lobster จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเป็น TU ถือหุ้น 25% และหุ้นบุริมสิทธิที่แปลงสภาพที่สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 24% และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ Seafood Alliance ถือหุ้น 36% และกลุ่มผู้บริหารของ Red Lobster ถือหุ้นอีก 15%


*ช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวเร็ว


บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TU ว่ามีมุมมองเป็นลบในระยะสั้นจากข่าวการเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้น Red Lobster ที่มีนักลงทุนใหม่เข้ามา ทั้งนี้ TU ในระยะสั้นช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ อาจต้องบันทึกการลดลงของมูลค่าการลงทุนให้เท่ากับราคาของผู้ถือหุ้นใหม่ เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหม่น่าจะซื้อหุ้น Red Lobster ได้ในราคาต่ำกว่าของ TU รวมทั้งตั้งสำรองเงินปันผลของหุ้นบุริมสิทธิที่ค้างจ่ายในครึ่งปีแรก เป็นเงินราว 500 ล้านบาท หรือ 0.10 บาทต่อหุ้น

ฝ่ายวิจัยมองว่า การเข้ามาของผู้ลงทุนใหม่น่าจะดี เพราะ M และ MINT เป็นผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจร้านอาหาร โดย MINT มีร้านอาหารในอังกฤษ และ M มีประสบการณ์ในบริหารวัตถุดิบ แต่มีร้านเฉพาะในไทยและ CLMV


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ระบุว่า Red Lobster มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาที่มีความเชี่ยวชาญด้านร้านอาหาร ซึ่งจะต้องติดตามกลยุทธ์ว่าจะช่วยให้ธุรกิจฟื้นตัวเร็วแค่ไหน ขณะที่ราคาหุ้น TU ได้ปรับฐานช่วงที่ผ่านมา จนมี Valuation น่าสนใจ มีค่าพี/อี เรโช 13 เท่า และปันผลกว่า 4% จึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 17.00 บาทต่อหุ้น

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X