> SET > ACE

26 สิงหาคม 2020 เวลา 08:45 น.

ACEโรงไฟฟ้าขยะจ่อ เคาะพื้นฐาน5บาท

ทันหุ้น –สู้โควิด –โบรกสแกน ACE มองมีโอกาสสูงที่จะชนะประมูลโครงการใหม่ทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้า MSW ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เคาะเป้าใหม่ 5 บาทต่อหุ้น ยังไม่รวมโครงการในอนาคต และมี Upside จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง


บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุถึง บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE ว่าบริษัทลดต้นทุนวัตถุดิบของโรงไฟฟ้าชีวมวลลงผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและปรับส่วนผสมเชื้อเพลิง ต้นทุนวัตถุดิบ /MWh ที่ใช้ในการผลิตลดลง 22.5% ตั้งแต่ปี 2560 สู่ระดับเพียง 1.24 บาท และโรงไฟฟ้าบางแห่งอยู่ที่ 1 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่ บริษัทวางแผนลดต้นทุนวัตถุดิบลงอีกสู่ 1.22-1.23 บาท/KWh ในครึ่งปีหลัง 2563 ซึ่งจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มขึ้น 20-50% (38% ในครึ่งปีแรก)


*โรงไฟฟ้า MSW ดีขึ้น


ด้านผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ (โรงไฟฟ้า MSW) จะปรับตัวดีขึ้น อัตรากำไรของโรงไฟฟ้า MSW จะปรับตัวดีขึ้นหลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาส 2/2563 และต้นทุนลดลงจากการกำจัดเถ้าลอยด้วยหลุมฝังกลบของบริษัทเอง รวมถึงอำนาจต่อรองที่มากขึ้นกับผู้รับเหมาให้จัดการเถ้าลอยจากโรงไฟฟ้าเหล่านี้


สำหรับโครงการหลุมฝังกลบขยะในจังหวัดอุดรธานี จะเริ่มดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 ซึ่งจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า MSW ปรับขึ้นได้อีก 1% โครงการนี้สามารถรองรับขยะจากโรงไฟฟ้า MSW เพิ่มได้อีก 2-3 แห่ง สอด


คล้องกับแผนของรัฐบาลที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้า MSW สู่ 400 เมกะวัตต์ ตามแผน PDP 2018 (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) ซึ่งกำลังรอ ครม.อนุมัติ

ส่วนโครงการ SPP Hybrid จะล่าช้า 3-6 เดือน กระบวนการอนุมัติ EIA ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โรงไฟฟ้า SPP Hybrid 1 แห่งได้รับอนุมัติ EIA แล้ว ในขณะที่อีก 3 แห่งที่เหลือยังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในสิ้นปี 2563 ส่งผลทำให้การลงนาม PPA กับ กฟผ. เลื่อนออกไป 1 ปี โดย กกพ.เห็นชอบให้ขยายเส้นตายออกไปแล้ว ซึ่งจะส่งผลทำให้กำหนด COD ของโครงการเหล่านี้ล่าช้าออกไปอีก 3-6 เดือน จากที่คาดว่าไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะ COD ได้ภายในสิ้นปี 2564


ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรของ ACE ลดลง 18% ในปี 2564 และ 12% ในปี 2565 เนื่องจากประมาณการกำไรเดิมอิงกับสมมติฐานที่ว่าโครงการเหล่านี้จะ COD ในระหว่างเดือนตุลาคม 2564-มกราคม 2565 ในขณะที่ผลกระทบต่อราคาเป้าหมายมีน้อยมาก


*ซื้อโรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังผลิต


ขณะที่ซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 แห่ง จากเอื้อวิทยา (UWC) ซึ่งจะส่งผลทำให้กำลังการผลิตดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น 26.9 เมกะวัตต์ โดยชำระค่าตอบแทนรวมเบื้องต้น (คำนวณจากงบการเงิน ณ ไตรมาส 2/2563) จำนวน 471.8 ล้านบาท เทียบกับจำนวนที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 490 ล้านบาท (หลังจากหักเงินกู้ยืมจากธนาคารในประเทศแห่งหนึ่ง)


ทั้งนี้จะมีการปรับปรุงส่วนต่างระหว่างสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 กับวันที่ทำการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ (สิงหาคม 2563) ACE จะต้องชำระค่าตอบแทนเพิ่มเติม 30 ล้านบาท เมื่อรูปแบบการซื้อขายไฟฟ้าของหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่ซื้อมาเปลี่ยนจาก Adder มาเป็น FiT ผู้บริหารคาดว่าจะไม่มีค่าความนิยมหรือกำไรจากการต่อรองราคาซื้อโรงไฟฟ้าครั้งนี้ Upside จะขึ้นอยู่กับความ สามารถของ ACE ที่จะลดต้นทุนการดำเนินงาน หลักๆ คือ ต้นทุนวัตถุดิบและ O&M ลง บริษัทจะรีไฟแนนซ์เงินกู้ธนาคารเพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ยลงจาก 6% ในปัจจุบัน สู่ 3% ภายใต้ ACE


*เคาะเป้าใหม่ 5 บาท


อย่างไรก็ตาม ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อเส้นทางการเติบโตของ ACE แม้ว่ากรอบเวลาโครงการจะเผชิญกับความท้าทาย ACE จะได้รับประโยชน์จากนโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและสนับสนุนเกษตรกรท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านทางโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน (หลักๆ เป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล) ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับใหม่เป็น 5 บาท ยังไม่ได้รวมโครงการในอนาคตทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้า MSW เข้ามา หุ้น ACE ซื้อขายที่ PE 11 เท่าสำหรับปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่โครงการที่ยืนยันทั้งหมดจะเปิดดำเนินการอย่างเต็มที่

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X