โผหุ้นกำไรเกิน1,000% เสี่ยยักษ์ดื้อกอดSTGT

ทันหุ้น-สู้โควิด- สรุปบริษัทผลงานดีฝ่าโควิด พบ 17 บจ.กำไรทะยาน 1,000% AI-STARK ติดโผ นักวิเคราะห์ชี้เป็นธุรกิจปรับตัวได้ แนะจับตา ด้านเสี่ยยักษ์พร้อมดื้อกอด STGT แม้หุ้นลง ชี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามคาด ยังเชื่อพฤติกรรมคนเปลี่ยนใช้ถุงมือยาง แม้มีวัคซีน

จากการสำรวจบริษัทจดทะเบียนที่ส่งงบการเงินไตรมาส 2/2563 พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรทั้งสิ้น 119,249 ล้านบาท ลดลง -46.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 221,212 ล้านบาท โดยมีบริษัทที่มีกำไรฝ่ากระแสโควิด เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อน จำนวนทั้งสิ้น 206 บริษัท โดยในจำนวนนี้เป็นบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเกิน 1,000% ถึง 17 บริษัท

ประกอบด้วย STC เพิ่มขึ้น 193,289% , KYE เพิ่มขึ้น 59,088.5% , SUTHA เพิ่มขึ้น 29,833.3%, NSI เพิ่มขึ้น 13,836.3% , ESTAR เพิ่มขึ้น 11,279.1%, AI เพิ่มขึ้น 7,512.4% , STARK เพิ่มขึ้น 5,340.9% , WIIK เพิ่มขึ้น 3,877.1%, BFIT เพิ่มขึ้น 2,871.0% FNS เพิ่มขึ้น 2,199.4%, RCL เพิ่มขึ้น 1,818.3% , TU เพิ่มขึ้น 1,439.5% , ASIAN เพิ่มขึ้น 1,256.7%, FND เพิ่มขึ้น 1,131.4% , SKN เพิ่มขึ้น 1,070.0% , PRIN เพิ่มขึ้น 1,037.0% , TPBI เพิ่มขึ้น 1,028.1% ขณะที่บริษัทที่กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 100% จำนวน 73 บริษัท

@ AI-STARKนำกำไรพุ่ง

อย่างไรก็ดีเพื่อเป็นการโฟกัสหุ้นขนาดใหญ่ ทางทีมงานทันหุ้นจึงได้คัดบริษัทที่มีกำไรเกิน ร้อยล้านบาท และปรับตัวเพิ่มขึ้น 15 อันดับแรกดังนี้ อันดับ 1 AI กำไร 173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,512.4% อันดับ 2 STARK กำไร 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,340.9% อันดับ 3 BFIT กำไร 569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,871.0% อันดับ 4FNS กำไร 133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,199.4% อันดับ 5 RCL กำไร 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,818.3%

อันดับ 6 TU กำไร 1,716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,439.5% อันดับ 7 ASIAN กำไร 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,256.7% อันดับ 8AJ กำไร 271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 738.8% อันดับ 9 CGD กำไร 345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 558.8% อันดับ 10 STGTกำไร 1,057 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 510.2%

อันดับ 11 AS กำไร 118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 478.4% อันดับ 12TVI กำไร  188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 356.0% อันดับ 13 MACO กำไร 179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 354.1% อันดับ 14NKI กำไร 124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 346.4% อันดับ 15 TOP กำไร2,480 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 337.5%

@ สะท้อนปรับตัวได้

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ออกมาจะเห็นได้ชัดว่าหุ้นส่วนใหญ่ในไทยกระทบจากโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งปฎิกริยาว่าธุรกิจของบริษัททันยุคสมัยนี้หรือไม่ รวมถึงการไปพึ่งพิงกับอุตสาหกรรมใดๆ มากเกินหรือไม่

อย่างไรก็ตามในส่วนของธุรกิจที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้นั้น จะเป็นกลุ่มพิเศษที่แสดงศักยภาพว่าสามารถอยู่ได้ท่ามกลางการปิดเมือง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสินค้ามีความจำเป็น และยังมีความต้องการ เช่นกลุ่มอาหาร ที่ไปได้ค่อนข้างดี สอดคล้องกับ GDP  นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มเทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ ที่กลุ่มที่อยู่ในเชนก็จะได้รับประโยชน์อย่าง KEC รวมถึงร้านค้าปลีกอย่างเช่น COM 7 ที่แม้จะถูกล็อกดาวน์แต่ผลประกอบการไตรมาส 2 เทิร์นกลับมาได้เร็ว ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีภูมิค่อนข้างดีน่าจับตา

@เสี่ยยักษ์กอดSTGT

ด้านนายวิชัย วชิรพงศ์ หรือ "เสี่ยยักษ์” นักลงทุนรายใหญ่ ยันยันว่า ยังคงถือหุ้น STGT อยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังเห็นอนาคตตามที่ประเมินไว้ ทั้งกำไรครึ่งปีแรกที่ออกมาดี และความต้องการถุงมือยางที่ยังสูงอย่างเนื่อง

"สาเหตุที่ผมยังถืออยู่ก็เพราะมองว่า ทิศทางยังเหมือนเดิม อย่างวันนี้ผมโทรไปหาบริษัทถามจะขอซื้อถุงมือยางหน่อย เขาบอกว่าออเดอร์เต็มหมดแล้วถึง 1 ก.ค.ปีหน้า ถ้าจะซื้อเล็กน้อยให้ไปติดต่อกับเอเยนต์หรือซื้อตามร้านออนไลน์ คุณลองโทรดูก็ได้ ทุกอย่างมันก็ตรงกับที่มองไว้เหมือนเดิม หรือแม้แต่การประเมินกำไรเดือนก.ค.ก็อยู่ราว 700-800 ล้านบาท บทวิเคราะห์ประเมินไว้กำไรไว้ 5 พันล้านบาท ครึ่งปีมีกำไรแล้ว 1,479 ล้านบาท จากนี้ไปก็ต้องขายได้เดือนละ 800 ล้านบาท ก็ตรงกับที่ประเมินไว้”

เสี่ยยักษ์ ระบุว่า ส่วนเหตุที่ราคาลดลงมา เพราะราคามันนำความคิดคน พอถูกขายก็หาสาเหตุมา ดังนั้นสิ่งที่ดำเนินการก็คือต้องดื้อ เพราะข้อมูลยังเหมือนเดิม ซึ่ง STGT จะมีการจัดพบนักวิเคราะห์ แต่ก็ต้องไปดูนักวิเคราะห์ว่าอย่างไร

“ดื้อ เป็นนิสัยผมอยู่แล้ว เราดูข้อมูลเหมือนเดิม เราอาศัยดื้อ ถ้าเปลี่ยนใจ ก็ไม่มีวันนี้ ส่วนเรื่องมุมมองของวัคซีน อันนี้พูดยาก แต่จากพฤติกรรมที่สัมผัส ที่บ้านก็ซื้อถุงมือยางมาใช้ทำครัว จากเดิมไม่ซื้อ มันก็มีข้อดีสะอาดปลอดภัย มือไม่เลอะ หรือแม้แต่ร้านอาหารดังๆ มีสาขาทั่วไปเทศ ผมไปกินถามว่าเปลี่ยนถุงมือวันละเท่าไหร่ ก็ได้รู้ว่า วันละ 2-3 ถุง ดังนั้น ผมเชื่อว่าพฤติกรรมคนเปลี่ยน”