ทันหุ้น-สู้โควิด :บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 2/63 มีกำไรสุทธิ 2,480 ล้านบาท พลิกจากไตรมาสแรกที่ขาดทุนสุทธิ 13,754 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 567 ล้านบาท
ในไตรมาส 2/63 เทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ กลุ่มไทยออยล์มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลง และมีปริมาณการขายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปลดลงจากไตรมาสก่อน โดยมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 2.9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจาก Crude Premium ที่ปรับตัวลดลงอย่างมากจากสงครามราคาน้ำมันของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก
ในขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับน้ำมันดิบดูไบยังคงถูกกดดันอย่างหนักจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังหลายประเทศทั่วโลกประกาศใช้มาตรการปิดเมือง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน รวมถึงน้ำมันดีเซลในภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งหดตัวลงโดยเฉพาะความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการยกเลิกเที่ยวบินทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันสูงกับราคาน้ำมันดิบดูไบในไตรมาส 2/63 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากอุปทานในภูมภาคปรับตัวลดลงหลังโรงกลั่นน้ำมันหันไปผลิตน้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำตามมาตรการป้องกันมลพิษทางเรือขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ หรือ IMO ซึ่งมีผลบังคับใช้ ม.ค.2563และการปรับลดกำลังกลั่นของโรงกลั่นทั่วโลก
การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามราคาของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก ส่งผลกดดันให้ราคาน้ำมันดิบดูไลเฉลี่ยในไตรมาส 2/63 ปรับตัวลดลงจากราคาน้ำมันดิบดูไลเฉลี่ยในไตรมาส 1/63 ถึง 20.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้กลุ่มไทยออยล์มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 1.8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ 1,404 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 12.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ 10,772 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมัน 1.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 11.2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้มีการบันทึกการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 2,469 ล้านบาท เมื่อรวมขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 45 ล้านบาทส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 2,881 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน EBITDA 12,248 ล้านบาท
**กำไรดีกว่าโบรกฯ คาด
บล.เอเชียพลัส คาดว่า TOP ในไตรมาส 2/63 จะพลิกมีกำไรสุทธิ 2.3 พันล้านบาท หลักๆ เป็นผลมาจากการบันทึกกลับเป็นกำไรจากสต็อกน้ำมันรวม NRV ราว 2 พันล้านบาท จากงวดไตรมาส 1/63 ที่บันทึกขาดทุนถึง 1.1 หมื่นล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานปกติคาดจะยังคงเผชิญกับผลขาดทุนใกล้เคียงกับงวดก่อนหน้าที่ราว 244 ล้านบาทรับแรงกดดันจากอัตราเดินเครื่องโรงกลั่นี่ลดลง ถึงแม้ค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นสุทธิแล้วคาดผลการดำเนินงานสุทธิและปกติงวดครึ่งปีแรกยังเผชิญกับผลขาดทุนราว 1.1 หมื่นล้านบาท และ 493 ล้านบาท
นอกจากนี้คาดผลดำเนินงานปกติไตรมาส 3/63 จะพลิกกลับเป็นกำไรได้แต่อาจจะยังไม่มากนัก รับผลบวกจากอัตราเดินเครื่องโรงกลั่น และ spread ที่คาดจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ที่ทยอยฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัยประเมินราคาพื้นฐานหุ้น TOP ในสิ้นปีนี้อยู่ที่ 43 บาทต่อหุ้น ซึ่งใกล้เคียงกับราคาปัจจุบัน ดังนั้นจึงแนะนำให้รอราคาหุ้นปรับฐานแล้วค่อยเข้าลงทุนจะปลอดภัยกว่า
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม