ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) หรือ EA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในไตรมาส 2/63 มีกำไร 1,149.43 ล้านบาท ลดลง 20.31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 1,442.44 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไร 2,601.48 ล้านบาท ลดลง 1.95% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 2,653.16 ล้านบาท แต่หากไม่นับรวมผลกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว จะทำให้ไตรมาส 2/63 มีกำไร 1,169.51 ล้านบาท ลดลง 12.94% 

โดยรายได้รวมไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 4,175.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.70% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,640.14 ล้านบาท โดยใน

ส่วนของงานผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล และกลีเซอรีนบริสุทธิ์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 569.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 68.86% เป็นผลจากภาวะตลาดของราควัตถุดิบ CPO ที่สูงขึ้น จากการที่กระทรวงพลังงานส่งเสริมให้ใช้น้ำมัน B100 มากขึ้น โดยประกาศให้น้ำมัน B100 เป็นดีเซลพื้นฐานของประเทศแทน B7 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2563 เป็นต้นมา ซึ่งมาตราการดังกล่าวได้สร้างอุปสงค์การใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศ จนราคา CPO และ B100 ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับผลผลิตปาล์มสดลดลงจากผลกระทบของภัยแล้งในปีที่ผ่านมา 

ในส่วนของกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ไตรมาส 2/63 มีรายได้เพิ่มขึ้น 35.84 ล้านบาท หรือ 61.60% มีสาเหตุมาจากปัจจัยด้านปริมาณเพิ่มขึ้น 47.44%

ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ในไตรมาส 2/63 มีรายได้ลดลงจำนวน 78.67 ล้านบาท หรือลดลง 2.93% เนื่องจากโดยปกติในไตรมาส 2 

เป็นฤดูทีมีกระแสลมอ่อน และสำหรับในปี 2563 กระแสลมในพื้นที่ของภาคใต้อ่อนแรงกว่าปีก่อน อย่างไรก็ตามรายได้รวม 2 ไตรมาสจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมยังเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้เต็มทุกโครงการในปีนี้ และมีปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้เพิ่มขึ้นจากโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นผลมาจากค่าความเข้มของแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากปีนี้ปริมาณฝนตกน้อยกว่าปีก่อน 

สำหรับความคืบหน้าโครงการลงทุน โครงกำรผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ เพื่อเตรียมการผลิตและส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า MINE SPA1 ให้แก่ผู้สนใจที่จองสิทธิ์ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์รับจ้าง(รถแท็กซี่) ที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU)จองสิทธิ์การซื้อรถยนต์ไฟฟ้า จำนวน3,500 คัน ในการนี้บริษัทได้มีการหารือร่วมกันเพื่อปรับแผนการทยอยส่งมอบเป็นเริ่มต้นตั้งแต่ไตรมาส 4/63 จนครบจำนวนภายในปี 2564 เพื่อให้สอดคล้องกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และความต้องการที่แท้จริง

ขณะนี้การก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์เป็นไปด้วยดี โดยอยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักรบางส่วน และเตรียมความพร้อมสำหรับห้องพ่นสี ซึ่งจะเป็นส่วนสุดท้ายของงานก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/63 และจะสามารถเริ่มผลิตยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2563 ตามแผนที่วางไว้ 

ส่วนโครงการเรือไฟฟ้า หลังจากที่ผลิตเรือไฟฟ้าโดยสารต้นแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ณ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างเริ่มทยอยประกอบเรือไฟฟ้าจำนวนที่เหลือต่อไป เพื่อเตรียมสำหรับการให้บริการเป็นเรือไฟฟ้าโดยสารภายในปี 2563 

บล.เอเชีย พลัส คาดว่า EA ในไตรมาส 2/63 จะมีกำไรสุทธิ 1.29 ล้านบาท ซึ่งลดลง 11.2% จากไตรมาสแรกปีนี้ โดยกดดันหลักจากธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งเป็นโลว์ซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม ถึงแม้โซลาร์จะผลิตไฟได้เพิ่มขึ้นแต่ชดเชยไม่ได้ อีกทั้งธุรกิจไบโอดีเซลยังได้รับผลกระทบจากทั้งราคาและปริมาณขาย B100 ที่ลดลงจากมาตรการล็อคดาวน์ในช่วงโควิด-19 

ส่วนการเข้าถือหุ้นใน NEX สัดส่วน 40% มองว่ามีโอกาสเกิด Synergy ร่วมกันในอนาคต เพราะ EA มี know-how Energy Storage จากการถือหุ้นใน Amita ขณะที่ NEX เชี่ยวชาญประกอบชิ้นส่วนและขายรถโดยสาร ดังนั้นเบื้องต้น EA จึงมีแผนจะนำแบตเตอรี่มาใช้กับรถ EV ต่างๆ เพื่อขายหรือให้เช่าซื้อ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดส่วนแบ่งกำไรจาก NEX แทบไม่มีนัยฯ ในปัจจุบัน โดยต้องติดตามถึงพัฒนาการที่ยังต้องใช้เวลาศึกษาร่วมกัน เพราะไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเข้าสู่ยุครถไฟฟ้า แต่ EA ถือว่ามีกำไรจาก hidden value ผ่านการถือหุ้นครั้งนี้ราว 2.6-2.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.70-0.72 บาทต่อหุ้น

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1