> mai > FPI

29 กรกฎาคม 2020 เวลา 09:20 น.

FPIยอดขายโค้งแรกพุ่ง47% ปรับกลยุทธ์ฝ่าวิกฤตโควิด

ทันหุ้น - สู้โควิด - FPI ยอดขายในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท หรือ 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขายงาน OEM รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ไดฮัทสุ มิตซูบิชิ และมาสด้า BT50 พร้อมโชว์ผลงานไตรมาส 1/63 กวาดรายได้ 536 ล้านบาท พุ่งขึ้น 11%


นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1 ของปี 2563 และปี 2562 มีรายได้รวม 536 ล้านบาท และ 484 ล้านบาท (ตามลำดับ) เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 11โดยมีรายได้จากการขายและบริการของไตรมาส 1ของปี 2563 และปี 2562 เป็นเงิน 530ล้านบาท และ 481 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นเงิน 49 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 10


ยอดขายพุ่ง 47%


สาเหตุหลักมาจากยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 จากการขายงาน OEM ของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ไดฮัทสุ มิตซูบิชิ และ มาสด้า BT50 โดยบริษัทฯขายสินค้าผ่านบริษัทในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปในประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ และยอดขายต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12จากการขายให้แก่ลูกค้ารายใหญ่ในประเทศซาอุดิอาระเบียเพิ่มขึ้น เนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2563 นี้ ประเทศผู้ขายหลายประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่เชื้อกระจายเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ส่งผลให้มีการปิดประเทศ เช่น ประเทศจีน และ มาเลเซีย ดังนั้นลูกค้าจึงหันมาทำการซื้อและสั่งซื้อสินค้าจากบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็นจำนวนมาก


“แม้ว่าตลอดช่วงครึ่งปีแรก เราจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 เนื่องจาก FPI เป็นบริษัทผู้ส่งออกอะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์ เมื่อมีการปิดประเทศต่าง ๆ ทำให้ทางบริษัทได้รับผลกระทบพอสมควร แต่บริษัท ได้พยายามปรับกลยุทธ์ในการผลิตและส่งมอบ โดยปัจจุบันในส่วนของงานผลิต ได้มีการผลิตแบบ Full capacity ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ได้ในทุกรุ่นทุกแบบ ซึ่งเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย เราจะสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าต้องพรีออเดอร์และรอสินค้า และเราคาดว่า ผลประกอบการจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในเร็ววัน จากมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง


เชื่อออร์เดอร์ไหลกลับ


นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าภาคอุตสาหกรรมการยานยนต์หลาย ๆ ค่ายจะได้รับผลกระทบ แต่สำหรับ FPI ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ แบบ OEM และ REM ต้องยอมรับว่า OEM อาจจะได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่สำหรับ Replacement แล้ว ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คงต้องรอให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย และเชื่อมั่นว่าออเดอร์ต่าง ๆ จะกลับมาในเร็ววัน


ทั้งนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นร้อยละ 4 จากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31.62 ในไตรมาส 1 ปี 2562 เป็น 30.34 ในไตรมาส 1 ปี 2563ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 10


ขณะที่ในไตรมาส 1 ของปี 2563และปี 2562 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน เท่ากับ 61 ล้านบาท และ 53 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 15


ทั้งนี้ในไตรมาส 1 ของปี 2563และปี 2562 งบการเงินรวมของบริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ เท่ากับ 41 ล้านบาท และกำไรสุทธิ เท่ากับ 39 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งมีผลมาจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานหลักของบริษัท เนื่องจากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ในการขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract และ Forward Option) จากสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19)

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X