> mai > STI

22 กรกฎาคม 2020 เวลา 09:20 น.

STIควบAECหนุนงบQ2เด่น กูรูเคาะกำไรปีนี้พุ่ง73.1%

ทันหุ้น - สู้โควิด – โบรกส่องกล้อง STI ชี้กำไรไตรมาส 2/63 โตโดดเด่นที่ 39.56 ล้านบาท พุ่งขึ้น 116.7% หลังควบรวมกิจการ AEC หนุนแบ็กล็อกในระดับสูง 4.5 พันล้านบาท ดีดลูกคิดคำนวณกำไรปีนี้เติบโต 73.1% และปีหน้าเติบโต 51.8% แนะ "ซื้อ" อัพมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 8.26 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุถึง บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ว่า

คาดผลประกอบการไตรมาส 2/63 โดดเด่นกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 39.56 ล้านบาท เป็นผลจากการเริ่มรับรู้การซื้อกิจการ 63.75% ของ AEC ตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นไป คาดกำไรเพิ่มขึ้น 116.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 44.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากขนาดธุรกิจของ AEC มีขนาดใกล้เคียงกับบริษัท และการซื้อกิจการใช้เงินทุนภายใน และการกู้เงินเพียงเล็กน้อย


รายได้เพิ่มขึ้น 183.4%


ขณะที่คาดรายได้เพิ่มขึ้น 183.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 87% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการซื้อกิจการ โดยประเมินอัตรากำไรขั้นต้นกลับมาเป็นปกติ อยู่ที่ 32.9% หลังจากที่ต่ำในไตรมาส 1 จากการควบรวมกิจการและอัตรากำไรกลับไปเป็นปกติ


Backlog รวมของ STI ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 4,500 ล้านบาทจากการรวม Backlog ของ AEC เข้ามา ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับรายได้ประเมินในปีนี้ที่ 1,479 ล้านบาท ทำให้บริษัทยังมีความของมั่นคงทางรายได้ปีอีก 2-3 ปี แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะผันผวนจากสถานการณ์โควิท


AEC สร้างเสถียรภาพรายได้ลดความเสี่ยงเศรษฐกิจ โดยไตรมาสล่าสุด งานภาคเอกชนเริ่มลดลงคิดเป็นเพียง 62.53% ถือว่าลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 86.11% มาก และหลังจากรับรู้ AEC เข้ามาสัดส่วนของงานภาคเอกชนคาดว่าเหลือต่ำกว่า 40%-36% โดย AEC ที่มีงานภาครัฐทั้งหมดช่วยสร้างเสถียรภาพของรายได้ของบริษัทพอควร


ปรับกำไรเพิ่มขึ้น


ปรับประมาณกำไรปีนี้ขึ้น +11% จากการลด SG&A ลง เหลือ 18.2% ต่อยอดขาย จากการประหยัดต่อขนาดและได้ประโยชน์จากการซื้อกิจการ ซึ่งสอดคล้องกับไตรมาส 1 ที่สัดส่วนนี้อยู่ในระดับต่ำเพียง 15.6%


ส่งผลให้ประเมินกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้น 73.1% และปีหน้า กำไรสุทธิเพิ่มอีก 51.8% จากการควบรวมกิจการและการเติบโตยังมีต่อในปีหน้า เนื่องจากจะรับรู้รายได้ของ AEC เข้ามาเต็มปี ถือว่าเป็นการเติบโตที่ค่อนข้างสูงในยามที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ประสบปัญหาสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิท 19

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 8.26 บาท จากเดิม 7.46 บาท โดยอ้างอิงกับ P/E ที่ 15 เท่าถือว่าต่ำกว่าการเติบโตปีนี้ที่ 73.1% และปีหน้าที่เติบโต 51.8% ค่อนข้างมาก

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X