> SET > S

21 กรกฎาคม 2020 เวลา 08:30 น.

Sแตกไลน์รุกพลังงาน ร่วมทุนโซลาร์มัลดีฟส์

ทันหุ้น –สู้โควิด –S ซุ่มดีลร่วมทุนพลังงานในมัลดีฟส์ หวังแตกไลน์ธุรกิจรับทรัพย์เพิ่ม คาดชัดเจนไตรมาส 4/2563 พร้อมเดินหน้าลงทุน 5 ปี 6.8 หมื่นล้านบาท เปิดโรงแรมใหม่-ขยายพื้นที่เช่า ยอมรับรายได้ปีนี้คาดอยู่ที่ 9 พันล้านบาท เหตุกระทบจากพิษโควิด-19 ย้ำฐานทุนแกร่งมีเงินสดในมือ 6 พันล้านบาท แถมกู้เพิ่มได้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท


นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) ขนาด 5 เมกะวัตต์ ในมัลดิฟ คาดชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ช่วงไตรมาส 4/2563


ขณะที่ธุรกิจหลักในปี 2563 นั้นได้ตั้งงบลงทุนราว 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น เงินการลงทุนการจัดซื้อที่ดินราว 4 พันล้านบาท และที่เหลือใช้ดำเนินปรับปรุงและดำเนินธุรกิจในส่วนอื่นๆ หวังเสริมศักยภาพของกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น


*เดินหน้าลงทุน 6.8หมื่นล.


พร้อมกันนี้บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนธุรกิจเดิมในระยะเวลา 5 ปี (2563-2567) งบลงทุน 6.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ใช้เปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ มูลค่ารวม 3.75 หมื่นล้านบาท (เปิดตัวประมาณ 5-7 โครงการต่อปี) เน้นพัฒนาโครงการระดับราคา, ใช้ลงทุนในอาคารสำนักงาน จำนวน 4 โครงการ, งบลงทุนอีก 8.5 พันล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่เช่าเป็น 300,000 ตารางเมตร ส่วนที่เหลือใช้ลงทุนในธุรกิจโรงแรม เพื่อขยายโรงแรมเพิ่มเป็น 80 แห่ง จากปัจจุบันมี 39 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน


สำหรับภาพรวมช่วงของกลุ่ม S ในครึ่งปีหลังของปี 2563 ประเมินคงปรับตัวดีขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายนั้นปัจจุบันมียอดขายที่รอโอน (Backlog) อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท จากโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ The ESSE Sukhumvit 36 มูลค่าโครงการกว่า 6.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 65-70% มูลค่ารวมประมาณ 4 พันล้านบาท (เชื่อโอนได้ช่วงที่เหลือปีนี้ราว 40%) และที่เหลือทยอยส่งมอบต่อเนื่องในปีถัดไป


พร้อมกันนี้ เตรียมเปิดโครงการใหม่ราว 3-4 โครงการ และจะทำการตลาดในโครงการเดิมที่มีอยู่เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ดียิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง


*รายได้ปีนี้เหลือ 9 พันล.


ขณะที่ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ทั้งอาคารสำนักงานและศูนย์การค้านั้นได้ตั้งงบลงทุนเฉพาะส่วนนี้ไว้ราว 5 พันล้านบาท ใช้ปรับปรุงและลงทุนในอาคารสำนักงานและโรงแรม รองรับรูปแบบการใช้ชีวิตแบบปกติใหม่ (New Normal) เพิ่มเติม สำหรับธุรกิจโรงแรมและบริการนั้นบริษัทมองว่าคงได้เห็นการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2563 หลังทางภาครัฐจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ประกอบกับมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง


สำหรับผลประกอบการปี 2563 บริษัทได้มีการปรับเป้ารายได้ลงมากกว่า 50% เหลือราว 9 พันล้านบาท จากเดิมที่ประมาณการไว้ราว 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ซึ่งช่วง 5 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-พฤษภาคม) จำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศไทย และในเกาะมัลดีฟ ลดลงกว่า 60% จึงส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC) ลดลงอย่างมีนัยสัมคัญ เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด 19) ส่งผลให้รายได้ไม่เป็นไปตามที่ประเมินไว้


*ย้ำฐานนะทางการเงินแกร่ง


ด้านฐานะการเงินในปัจจุบันของบริษัทถือว่าแข่งแกร่ง โดยมีตัวเลขอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net interest bearing debt to equity ratio) อยู่ที่ 0.86 เท่า และมีกระแสเงินสดในมือขณะนี้ประมาณ 6 พันล้านบาท รวมทั้งยังมีความสามารถในการกู้เงินได้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท บนพื้นฐาน Net interest bearing debt to equity ratio ที่ไม่เกิน 1.5 เท่าด้วย

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X