ทันหุ้น – สู้โควิด – SCC-SCCC เด้งรับดีมานด์ปูนซีเมนต์ฟื้นตัว หนุนยอดขายเติบโต ประเมินผลงานไตรมาส 2/2563 SCC อยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท โตกว่า 30% ทั้งจากไตรมาสก่อนและจากปีก่อน กูรูชี้มองข้ามปี 2563 ภาครัฐเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่หนุนดีมานด์ปูนฟื้นตัว แนะเก็งกำไร SCC รับหุ้นลูก SCGP คาดปันผลระหว่างกาล 6 บาทต่อหุ้น เป้า 390 บาท และ SCCC เป้า 205 บาท

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างงวดไตรมาส 2/2563 น่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการล๊อกดาวน์ (Lock down) ช่วงเดือนเมษายน กดดันยอดขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า รวมถึงคอนวีเนียนสโตร์ลดลง

อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มสินค้าที่ยอดยังสามารถขยายตัวได้อาทิปูนซีเมนตน์, อิฐมวลเบา ซึ่งใช้ในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐบาลเป็นหลัก ประกอบกับเดือนเมษายนปีนี้ไม่มีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ส่งผลให้การดำเนินงานต่อเนื่อง

*SCC ลุ้นกำไร 9.1 พันล.

ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 ของ SCC จะมีกำไรสุทธิ 9.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19การก่อสร้างภาครัฐเดินหน้าต่อเนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณ และไม่มีวันหยุดช่วงสงกรานต์ หนุนความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างแข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันประมาณการผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 ของ SCCC มีแนวโน้มทรงตัวจากไตรมาสก่อน แม้ว่าการปิดซ่อมบำรุงทเตาเผาปูในประเทศเพียง 1 แห่งในประเทศ เทียบกับไตรมาส 1/2563 ที่ปิดซ่อม 2 แห่ง แต่อาจมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรที่สูงขึ้น หลังบริษัทประกาศปิดสายการผลิตแห่งที่ 1 ของโรงงานในประเทศ กำลังผลิต 1.5 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็น 12.5% ของทั้งหมดเช้ามากดดัน

*จับตาครึ่งหลังยังท้าทาย

นางสาววิชชุดา ระบุว่า โดยภาพรวมช่วงไตรมาส 3/2563 เป็นช่วงโลว์ซีซันของกลุ่มวัสดุก่อสร้างเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝน อย่างไรก็ตามภาพปี 2563 แตกต่างจากปกติ จึงยังคงต้องจับตายอดขายสินค้าผ่านห้างสรรพสินค้า รวมถึงคอนวีเนียนสโตร์กลับมาเปิดดำเนินการ ซื้อขายได้ระดับใกล้ปกติ อาจได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการซ่อมแซมบ้านที่อั้นมา รวมถึงโครงการภาครัฐที่ยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ

อย่างไรก็ตามมองข้ามไปยังปี 2564คาดผลประกอบการของกลุ่มวัสดุก่อสร้างจะสามารถเติบโตได้หนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลัง-19 คลี่คลาย รวมทั้งการผลักดันโครงการก่อสร้างภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องใน 1-2 ปีข้างหน้า เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, รถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย, รถไฟทางคู่เฟส 2, โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน, โครงการเมืองการบิน สนามบินอู่ตะเภา โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มเห็นการก่อสร้างจริงปี 2564

ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” SCC เพื่อรับเงินปันผลงวดครึ่งแรกของปีที่ 6 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield 1.6% และสตอรี่ IPO หุ้นลูก SCGP เข้าเทรดใน SET ราคาเหมาะสมที่ 395.00 บาท และ “ซื้อเก็งกำไร” SCCC ราคาเหมาะสม 205 บาท