ทันหุ้น –สู้โควิด –AP การแผนครึ่งหลังปี 2563 คลอดโครงการใหม่ 26 โปรเจ็กต์ มูลค่ารวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท พร้อมอัดแคมเปญโกยยอดขายตามเป้า 3.35 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดโอนคาดทำได้ 4 หมื่นล้านบาท หลังมี Backlog ในมือกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท แย้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ยอดโอนทุบสถิติใหม่สูงสุด

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ 26 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 21 โครงการ ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 7,970 ล้านบาท และทาวน์โฮม 13 โครงการ มูลค่า 13,330 ล้านบาท และในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,700 ล้านบาท ประกอบด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช ระยอง อยุธยา ขอนแก่นและเชียงราย เป็นต้น คาดจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

*Backlog 5.6 หมื่นล้าน

ขณะเดียวกันบริษัทยังมองการจัดแคมเปญใหม่ๆ เพื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและสนับสนุนการเติบโตให้กับยอดขายในช่วงที่เหลือของปีนี้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยในปัจจุบันบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขาย (Presale) ในปีนี้ไว้ที่ 33,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้แล้วที่ 15,085 ล้านบาท คิดเป็น 45% ของยอดขายรวมทั้งปี อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีสินค้าคงเหลือขายอีกกว่า 100 โครงการ มูลค่าราว 70,000 ล้านบาท

ขณะที่เป้าหมายยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2563 บริษัทมองว่ามีความเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 40,550 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 31 มิถุนายน 2563 บริษัทมียอดขายรอโอนรวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ารวม 56,149 ล้านบาท แบ่งออกเป็นจากโครงการแนวราบ 13,234 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ทั้งหมด และคอนโดมิเนียม 42,915 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ประมาณ 15,602 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังปี 2563 บริษัทจะมีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่าโครงการ 9,800 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 95% และ 2.โครงการ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 95% ซึ่งทั้ง 2 โครงการพร้อมส่งมอบในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนผลงานครึ่งหลังเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก

*ตุนเงินสดรองรับธุรกิจ

อย่างไรก็ดี บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกใช้ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้มองว่าจากนี้ไปราคาที่ดินจะกลับมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งในตอนนี้ก็มีคนมานำเสนอให้จำนวนมากและอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ในประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอนและคาดเดาทิศทางได้ยาก รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงมีส่วนกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นบริษัทจึงยังคงให้ความสำคัญในการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่องในมือให้อยู่ระดับที่ดี โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดรองรับการดำเนินธุรกิจอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และมีวงเงินจากสถาบันการเงินอีกกว่า 10,000 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2563 นั้น เบื้องต้นประเมินว่าจะมีการเติบโตที่ดีสวนทางเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการจัดแคมเปญกระตุ้นการขายในช่วงที่ผ่านมาที่ต้องยอมรับว่าได้การตอบรับที่ดีเกินคาด ประกอบกับความต้องการซื้อและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้บริษัทประเมินว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2/2563 จะสามารถทำสถิติใหม่สูงสุดได้ จากสถิติเดิมสูงสุดยอดโอนกรรมสิทธิ์ทำได้อยู่ที่ประมาณ 11,500 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2563