ทันหุ้น –สู้โควิด –BEM เช็คผลประกอบการไตรมาส 3/2563 คาดฟื้นตัวแรงจากปริมาณผู้ใช้ทางด่วน-รถไฟฟ้าใต้ดินในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น จาการทยอยคลายล็อกดาวน์ ขณะที่เป็นตัวเต็งในการประมุลรถไฟฟ้าสานสีส้ม 1.4 แสนล้านบาท แนะทยอยซื้อสะสม เคาะเป้าหมาย 13 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)  หรือ BEM ว่ามองว่าผลกำไรที่จะผิดหวังในไตรมาส 2/2563 จากพิษ COVID-19 ได้สะท้อนอยู่ในประมาณการไปแล้ว ขณะที่การฟื้นตัวของผู้ใช้ทางด่วน และรถไฟฟ้า ยังคงใกล้เคียงตามประมาณการ (มิ.ย./ส.ค. ตามลำดับ) และเริ่มดูดีในต้นเดือนกรกฎาคม

จึงคงประมาณการกำไรไว้ที่เดิม ขณะที่ Upside ใหม่จากการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเริ่มเด่นชัดขึ้นการเปิดซองเดือนตุลาคม 2563 ดังนั้นจังหวะการประกาศงบไตรมาส 2/2563 ที่จะผิดหวังในช่วงกลางเดือนสิงหาคมมองว่า จะเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสม "ซื้อ" ก่อนที่หุ้นจะเริ่มเดินหน้าในปลายไตรมาส 3/2563

ทั้งนี้คาด BEM จะรายงานกำไรสุทธิ 33 ล้านบาท หดแรง -93% จากปีก่อน จากกำไรสุทธิ 508ล้านบาท ในไตรมาส 1/2563เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการ Lock-down กรุงเทพตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563 ทำให้จำนวนรถผู้ใช้ทางด่วน และผู้ใช้รถไฟใต้ดินลดลง -31% และ -58% จากไตรมาสก่อนตามลำดับ

*คาดไตรมาส 3/63 จะฟื้นตัวแรง

แม้ไตรมาสนี้ จะได้รับเงินปันผลรับจาก TTW ราว 220 ล้านบาท และการต่อสัมปทานทางด่วนใหม่จะประหยัดต้นทุนค่าจัดจำหน่ายทางด่วนไปราว 489 ล้านบาทต่อไตรมาส แต่ทว่าผลกระทบจากปริมาณการให้บริการที่ลดลงนั้นรุนแรงกว่าประโยชน์ทั้ง 2 ที่ได้รับในไตรมาสนี้ ส่วนการหดตัวของกำไรลง -99% จากปีก่อน มีส่วนเสริมมาจากฐานกำไรสูงในปี 2562 เพราะ BEM มีกำไรพิเศษ 3.4 พัน ลบ. (ก่อนภาษี) จากการเปลี่ยนสถานะ TTW จากบริษัทร่วมเป็นเงินลงทุน ที่บันทึกในงวดไตรมาส 2/2562

จากการทยอยผ่อนคลาย Lock-down ตั้งแต่ 3 พฤษภาคม 2563ทำให้ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเบื้องต้นเมื่อวันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม (ก่อนวันหยุดยาว) ปริมาณรถใช้ทางด่วนได้ขึ้นมาแตะ 1.2 ล้านคันต่อวัน และผู้ใช้รถไฟใต้ดินแตะ 3 แสนเที่ยวต่อวัน ซึ่งจะเห็นว่าเป็นภาพหดตัวเพียง 3% และ 10% ตามลำดับจากค่าเฉลี่ยปี 2562ดังนั้นเชื่อว่าการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนในไตรมาส 3จะออกมาในเกณฑ์ที่ดี ไปพร้อมๆ กับการเตรียมเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.4 แสนล้านบาท ในเดือนตุลาคม ซึ่ง BEM เป็นตัวเต็งในครั้งนี้

*แนะทยอยสะสมซื้อ-เป้า 13 บ.

ด้านราคาหุ้นได้สะท้อนประเด็นนี้ไปแล้ว และเชื่อว่าตลาดจะไม่กังวลต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 ที่ผิดหวัง ซึ่งได้นำความเสียหายเหล่านี้ใส่ไว้ในประมาณการล่วงหน้าแล้ว คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 2.9 พันล้านบาท ตามเดิม หดตัว -47% จากปีก่อน จากนั้นคาดจะฟื้นต่อ +17% จากปีก่อนในปี 2564 เป็นกำไร 3.4 พันล้านบาท ได้ประโยชน์เต็มที่จะโครงสร้างสัมปทานทางด่วนใหม่ และปริมาณผู้ใช้บริการฟื้นตัว คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมตามเดิม 13.00 บาทต่อหุ้น