ทันหุ้น –สู้โควิด – วิพากษ์งบไตรมาส 2/2563 กลุ่มสื่อสาร ADVANC-DTAC-TRUE กำไรรวม และEBITDA ลดลง รับผลกระทบจากพิษโควิด-19 แต่ADVANC-DTAC คาดจ่ายปันผลสูงกว่า 3% ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง ฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรกจากการปรับขึ้นค่าบริการ
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 ของ 3 บริษัทในกลุ่ม ICT ประกอบด้วยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE จะรายงานกำไรก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่าย (EBITDA) รวมกันที่ลดลง 0.8% และรายงานมกำไรปกติลดลง 33.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
*DTAC-ADVANC ปันผลสูง
โดยคาดว่า DTAC ซึ่งมีกำหนดจะประกาศในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563จะมีกำไรสุทธิที่ 15,070 ล้านบาท ลดลง 2.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 15,398 ล้านบาท จากการปรับลดราคาแพ็กเกจโปรโมชั่น ทั้งนี้คาดกำไรก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่าย (EBITDA) ที่ 6,277 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 6,569 ล้านบาท เนื่องจาก DTAC สามารถปรับลดค่าใช้จ่ายได้ดีอย่างต่อเนื่อง
พร้อมคาดการณ์กำไรปกติที่ 1,273 ล้านบาท ลดลง 25.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 1,703 ล้านบาท จากสัดส่วนลูกค้าระบบเติมเงินที่ได้รับผลกระทบในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตามคาดการณ์ว่า DTAC จะยังคงจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.53 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 3%
สำหรับ ADVANC คาดการณ์รายได้รวมไตรมาส 2/2563 ที่ 33,403 ล้านบาท ลดลง 5.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 35,394 ล้านบาท จากสัดส่วนลูกค้าระบบเติมเงิน และกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ขณะที่ EBITDA น่าจะอยู่ที่ 19,074 ล้านบาท ลดลงเพียง 02% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 19,118 ล้านบาท หนุนจากการเจรจาปรับลดอัตราค่าเช่าโครงข่ายกับ TOT ในช่วงที่ผ่านมา และคาดการณ์กำไรปกติที่ 6,856 ล้านบาท ลดลง 14.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 7,982 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 3.12 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 3.4%
ส่วน TRUE คาดรายได้รวมไตรมาส 2/2563 ที่ 24,800 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 26,186 ล้านบาท จากรายได้จากธุรกิจเคเบิลทีวีที่หายไปจากกลุ่มลูกค้าโรงแรม แต่คาด EBITDA ที่ 7,980 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 7,905 ล้านบาท เป็นผลจากการลดต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิ์ภาพอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่ากำไรปกติจะพลิกขาดทุนถึง 1,115 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 941 ล้านบาท เนื่องจากภาระอัตราดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคาซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายคงที่
*แนวโน้มครึ่งปีหลังดี
นายพิสุทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังของปี 2563 ของผู้ประกอบการทั้ง 3 รายมีแนวโน้มดีกว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2563 เนื่องจากผู้ประกอบการได้ปรับขึ้นอัตราค่าบริการขั้นต่ำของโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินมาอยู่ที่ 250 บาทและจำกัดความเร็วการใช้บริการอิเตอร์เน็ต จากช่วงก่อนหน้านี้ที่อัตราค่าบริการขั้นต่ำอยู่ที่ 200 บาท และไม่จำกัดความเร็ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน การลงทุนเทคโนโลยี 5G นั้นแตกต่างจากการลงทุน 4G จึงไม่กระทบต่อกระแสเงินสด และศักยภาพการทำกำไรในอนาคต โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายสัญญาสัมปทานโครงข่ายผู้ประกอบการ 3 มีต้นทุนการประมูลรวมประมาณ 1 แสนล้านบาท ระยะเวลาการชำระเงินนานถึง 10 ปี เฉลี่ยปีละ 1 หมื่นล้านบาท ต่างจากการประมูลโครงการข่าย 4G ที่มีต้นทุนรวมสูงถึง 4 แสนล้านบาทและระยะเวลาการชำระเพียง 4 ปี
ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองบวก ปัจจัยสำคัญต่อหุ้นคือ Upside risk ประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2563 ขณะที่มูลค่าหุ้นที่ไม่แพง เลือก ADVANC เป็นหุ้นเด่น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม