ทันหุ้น - ASP มองข้ามช็อตลุ้น Q4/2563 หุ้นไทยฟื้นตัวแตะ 1440 จุด รับฟันด์โฟลว์หวนกลับ-เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ส่วน Q3/2563 คาดหุ้นพักฐาน เหตุราคาเกินพื้นฐาน และปัจจัยลบในประเทศกดดัน บิ๊ก "เทอดศักดิ์" ชู SEAFCO-BRGIM-CPALL ดาวเด่นน่าสอย อานิสงส์ได้ผลบวกจากนโยบายภาครัฐ

นายเทอดศักดิ์ ทวีธีระธรรม สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/2563 จะฟื้นตัว โดยมองแนวต้านไว้ที่ระดับ 1,440 จุด ส่วนกรอบแนวรับคาดไว้ 1,350 จุด เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับทิศทางกระแสเงินทุนจากต่างประเทศจะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย รวมทั้งยังมีปัจจัยบวกเกี่ยววัคซีนป้องกันแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID 19) ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น

ลุ้นQ4ฟื้น

"ไม่เพียงเท่านั้นมองว่าจะได้เห็นการเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทยอยมาต่อเนื่องหลังจากนี้ อีกทั้งโดยปกติแล้วช่วงปลายปีนี้นักลงทุนจะมองภาพเศรษฐกิจในปี 2564 ที่คงปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2563 ทำให้อาจจะเป็นแรงสนับสนุนการลงทุนอีกทางหนึ่ง"

ขณะที่บรรยากาศของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/2563 มองว่าคงได้เห็นการพักฐานของดัชนี หลังในช่วงที่ผ่านราคาส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน ส่งให้ผลให้อัตราผลตอบแทนในรูปแบบปันผลของ SET ปรับลงอยู่ที่ราว 2.72% (อิงดัชนีหุ้นไทยราว 1,360 จุด) และไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเดียวกัน

ขณะเดียวกันฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 2/2563 จะปรับลดลงราว 50% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรบจ.รวมราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมกับกำไรบจ.ในงวดไตรมาส 1/2562 อยู่ที่ 1.06 แสนล้านบาท จะส่งผลให้กำไรบจ.ในช่วงครึ่งแรกปี 2563 อยู่ที่ราว 2.06 ล้านบาท ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว ประกอบกับฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรบจ.ครึ่งหลังปีนี้ไว้ประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าของเดิม และอาจจะทำให้ฝ่ายวิเคราะห์จำเป็นต้องปรับประมาณการกำไรบจ.ในปี 2563 เพิ่มเติม จากเดิมที่คาดไว้ 6.88 แสนล้านบาท (EPS ปี 63 เท่ากับ 64 บาทต่อหุ้น) อีกทั้งฟันโฟลว์ในประเทศลดลง หลังกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) สิ้นสุดไปในเดือนมิถุนายน 2563 โดยตัวเลขของกองทุนดังกล่าว ณ วันที่ 30 มิ.ย.63 อยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้แรงกดดันจากผลกระทบของโควิด- 19 ในช่วงไตรมาส 2/2563 ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาในช่วงไตรมาส 3/2563 เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์คาดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 2/2563 ที่ -15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนทั้งปีนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาด GDP จะอยู่ที่ -8.4% จากปีก่อน เพราะได้แรงหนุนจากเม็ดเงินภาครัฐ

นายเทอดศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ในแง่กลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนในไตรมาส 3/2562 แนะนำให้ลงทุนตลาดหุ้นในประเทศ 30%, ตลาดต่างประเทศ 15%, ตราสารหนี้ 40% และที่เหลือเป็นตราสารทางเลือก

ชูSEAFCO-BGRIMเด่น

ส่วนหลักทรัพย์รายตัวนั้นควรลงทุนกับหุ้นที่ได้ปัจจัยบวกจากการลงทุนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อาทิ SEAFCO, BGRIM, CPF, CPALL, INTUCH, INSET, ส่วนกรอบดัชนีในช่วงไตรมาส 3/2563 มองแนวรับอยู่ที่ 1,250 จุด และแนวต้านที่ 1,420 จุด