ทันหุ้น-สู้โควิด-โบรกสแกนINSET จ่อคิวรับงานใหม่เพิ่ม จากอานิสงส์ผู้ให้บริการมือถือแต่ละค่าย เร่งลงทุนขยายโครงข่าย 5G และ New Normal ต่อยอด Backlog ในมือที่มีอยู่ 2 พันล้านบาท แถมชูหุ้นDividend Yield สูง 4% ส่องเป้าหมาย 4.18 บาทต่อหุ้น

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)จำกัด  ประเมินถึงแนวโน้มธุรกิจบริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี2563 จะเติบโตราว 20% เป็น 144 ล้านบาท (EPS : 0.257 บาท/หุ้น) โดยกำไรจะขยายตัวสูงในช่วงครึ่งปีหลัง2563 เพราะมีการส่งมอบงานเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการรับงานใหม่ๆเข้ามาในครึ่งปีแรก2563 ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ด้วย ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปีนี้ราว 12.8 เท่า และคาดการณ์ว่าจะจ่ายปันผลได้ดีพอควร ประเมิน Dividend Yield ไว้ประมาณ 4% ถ้าให้ P/E เป้าหมายปีนี้ที่ 15 เท่า จะได้ราคาเป้าหมาย 3.85 บาท/หุ้น

ตุนแบ็กล็อก 2 พันล.

สำหรับงานในมือที่รอรับรู้รายได้ หรือ Backlog ของ INSET ณ สิ้นปี 2562 สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2 พันล้านบาท  โดยเฉพาะงานใหญ่เป็นงานส่วนท่อร้อยสายใต้ดินกทม. 800ล้านบาท ซึ่งจะมีการส่งมอบอย่างเร็วปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564เนื่องจากปัจจุบันเพิ่งอยู่กระบวนการทำ Demo Site งาน และกำลังรอให้ กทม.เจ้าของโครงการตรวจสอบอนุมัติก่อนเข้า Site ส่วนการส่งมอบงานอื่นๆ เช่น การสร้างเสาโทรคมนาคม, งานลากสายไฟเบอร์ ทำให้บริษัทน่าจะส่งมอบงานตามกำหนดในปี 2563 โดยมีอัตรากำไรสุทธิประมาณ 10%

อย่างไรก็ดีผู้บริหารบริษัทมั่นใจว่ารายได้ปี 2563 จะเติบโต 10-15% จากปีก่อนทำได้ 1,220 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้จาก Backlog (ที่มีอยู่ 2พันล้านบาท) ในปีนี้ราว 600-700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ไปถึง 5 ปี หรือภายในปี2567 สำหรับงานใหม่ที่มีแนวโน้มดี คือ การที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแต่ละค่ายเข้าสู่โหมดการลงทุนรอบใหม่ จากที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการคลื่น 5G เรียบร้อยแล้ว

สื่อสารโทรคมหนุน

ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด(มหาชน) ระบุว่า INSET ได้กระแสการประมูลในส่วนงานโทรคมนาคม เริ่มทยอยกลับมา และ ช่วงที่ผ่านมาได้ประกาศรับงานใหม่มูลค่า 339 ล้านบาท หนุน backlog เพิ่มสู่ระดับ 2.3พันล้านบาท ส่วนที่เหลือยังคาดหวังได้งานใหม่ในอุตสาหกรรมที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง จากพันธมิตรหลายรายทั้งรัฐและ subcontract ต่อจากเอกชนรายอื่น

โดยภาพรวมคาดกำไรปี 2563 เติบโต 22% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยราคาหุ้นปัจจุบันเด่นที่ซื้อขาย PER 63ที่ 11.6เท่า ต่ำกว่ากลุ่ม (ITEL, ALT) ที่ซื้อขายถึง 24.5 เท่า ประเมินราคาเหมาะสมที่ 4.18 บาทต่อหุ้น