ทันหุ้น-สู้โควิด: TK มองผลงานครึ่งหลังปี 2563 ดูดีกว่าครึ่งแรกปี รอดูนโยบายรัฐคลายล็อกดาวน์การท่องเที่ยวเอื้อเศรษฐกิจฟื้นตัว รับพอร์ตสินเชื่อใหม่ปีนี้หดตัวหลังได้รับผลกระทบไวรัสโควิด-19 กำลังซื้อชะลอตัว กดดันผลการดำเนินงานปีนี้ แย้มไตรมาส 3/2563 ลงทุน 450 ล้านบาท จ่อปิดดีลซื้อกิจการสินเชื่อในเมียนมา

นายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า มองภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศปี 2563 จากผลกระทบของโควิด-19 เมื่อช่วงต้นปีนั้นกดดันให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับจากสภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 6% และ 24% ตามลำดับ ในช่วงไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องไปยังไตรมาส 2/2563 อีกด้วย

ทั้งนี้ ในปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดเริ่มเป็นไปในทิศทางที่คลี่คลายลงแล้ว ซึ่งช่วงเดือนปลายพฤษภาคม 2563 ภาครัฐได้มีการออกมาทยอยปลดล็อกดาวน์ต่างๆ มากขึ้น ทำให้มองว่าภาพรวมในช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีกว่าในช่วงครึ่งแรกปีนี้ อย่างไรก็ดีจะเกิดการแพร่ระบาดระรอก 2 หรือไม่ยังต้องจับตาต่อไป ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่ากว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวชัดเจนอาจต้องใช้ระยะเวลา จากนี้คงต้องรอดูนโยบายต่างๆจากทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการท่องเที่ยว

งบไตรมาส 2 ล้อตามเศรษฐกิจ 

จากปัจจัยข้างต้นบริษัทมองว่าผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2/2563 จะมีทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจ เนื่องจากลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้น้อยลง การเรียกชำระหนี้เป็นไปได้ยากขึ้น ประกอบกับบริษัทมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อใหม่ (New Loan) เพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงการเกิดหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ในอนาคต และมองว่าพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อในปี 2563 อาจปรับตัวลดลงหรือทรงตัวใกล้เคียงช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6,770 ล้านบาท

ขณะที่แผนการลงทุนนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเข้าซื้อกิจการ Myanmar Finance International Limited (MFIL) ที่ประเทศเมียนมา ในมูลค่าราว 450 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2563 นี้ นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างขอใบอนุญาตเปิดเพิ่ม 3 สาขา (เดิมมีแล้ว 3 สาขา) รวมเป็น 6 สาขาใน สปป.ลาว ส่วนพอร์ตสินเชื่อในกัมพูชา หลังจากเปิดเพิ่ม 6 สาขาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คาดจะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปช่วงครึ่งหลังปี 2563

อนึ่ง บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพิ่มเติมประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่ใกล้จะครบกำหนดในช่วงสิงหาคม 2563 อยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นคงใช้เงินทุนหมุนเวียนมาดำเนินการ เบื้องต้นคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนประมาณช่วงไตรมาส 3/2563

โบรกมองระยะกลาง-ยาว กลับมาดี

บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุว่า ประเมินกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2563 ชะลอตัวลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ โควิด-19 ภัยแล้ง และภาวะเศรษฐกิจ ส่วนตลาดต่างประเทศคาดปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่ในอัตราที่น้อยกว่า เนื่องจากยังมีความต้องการเงินค่อนข้างสูง ในขณะที่ภาวการณ์แข่งขันต่ำ

จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ส่งผลให้ทางฝ่ายได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 - 2564 ลงราว 30.9% และ 28.0% ตามลำดับ จากการปรับลดสมมติฐานการเติบโตสินเชื่อ และ NIM ลง ทางฝ่ายยังปรับเพิ่มสมมติฐานอัตราส่วนค่าใช้จ่ายสำรอง (Credit Cost) เพิ่มขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงการเกิด NPL ใหม่ โดยคาดอัตราส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 5.5% เทียบกับปี 2562 ที่ 4.5%

อย่างไรก็ดี ในระยะสั้น ทางฝ่ายยังมีมุมมองเชิงลบต่อการเติบโต ทั้งในแง่ของพอร์ตสินเชื่อ และ NIM โดยคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี แต่ในระยะกลาง - ยาว คาดจะเห็นการกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากการเร่งขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ