ตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้าใกล้แนวรับที่ 1300 จุด ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1340 จุด แต่โครงสร้างของการปรับฐานยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1270 จุดเป็นเป้าหมายในการปรับตัวลดลง

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ PORT หรือ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทให้บริการธุรกิจดังนี้1. ให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร 2. ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก 3. ให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า 4. การให้บริการที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ

ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีรายได้รวม 180 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 49 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.07 บาท กำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีรายได้รวม 133 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.05 บาท

นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เป็นลดลงไม่เกิน 5% หลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการนำเข้าส่งออกหยุดชะงักเป็นการชั่วคราว แต่เริ่มเห็นสัญญาณการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้นในช่วงต้นไตรมาส 2 หลังจากจีนเริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์ และนำเข้าส่งออกสินค้าอีกครั้งหลังจากแก้ปัญหาโรคระบาดได้สำเร็จ

ประกอบกับ กลางไตรมาส 2 บริษัทได้ลูกค้ากลุ่มยานยนต์เข้ามาใช้พื้นที่คลังสินค้าของบริษัท ซึ่งจะเข้ามาชดเชยรายได้ในส่วนของคลังสินค้าที่ลดลงไปในไตรมาส 1 และจากการสถานการณ์ปัจจุบันบริษัทคาดการณ์ว่าการนำเข้าส่งออกจะเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งคาดการณ์ว่ากิจกรรมขนส่งผ่านเรือชายฝั่งในนามบริษัท บางกอก บาร์จ เซอร์วิส จำกัด และการขนส่งทางบก ในนามบริษัท บางกอก ทรัคกิ้ง เซอร์วิส จำกัด จะยังสามารถเติบโตได้ในปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทยังคงแผนการก่อสร้างโครงการโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 63 ภายใต้ บริษัท บางกอกโลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย

ขณะที่โครงการท่าเรือแห่งใหม่แห่งที่ 3 ภายใต้ บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด ซึ่ง PORT ร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เพื่อรองรับการขยายตัวของการนำเข้าและส่งออกของประเทศที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 64 ซึ่งทั้ง 2 โครงการใหม่ขนาดใหญ่ นอกจากจะช่วยขยายฐานเศรษฐกิจของบริษัทให้ใหญ่และแข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยผลักดันให้ PORT ก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับสากลอีกด้วย

PORT มีมูลค่าทางบัญชีล่าสุดอยู่ที่ 2.31 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ประมาณ 2.16 บาท คิดเป็นอัตราส่วน Price to Book Value Ratio เท่ากับ 0.93 เท่า และมีอัตราส่วน P/E Ratio อยู่ที่ 18.15 เท่า

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 2.16 ขึ้นไป หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปเคลื่อนไหวตามกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.50 และ 2.70 ในขณะที่การปรับตัวลดลงต่ำกว่า 2.16 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 2.00 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค

สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk