> SET >

26 มิถุนายน 2020 เวลา 09:07 น.

โบรกคาด SET ผันผวนกรอบ 1,300-1,340 จุด รอปัจจัยใหม่

ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ส่องแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ มีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,315 - 1,340 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นรอบบ้านที่ปรับตัวขึ้นตอบรับ ECB จะเสนอเงินกู้สกุลยูโรให้กับธนาคารกลางต่างๆ นอกเขตยูโรโซนเพื่อช่วยเหลือผลกระทบ Covid-19 รวมถึงนายแลร์รี คุดโลว์ เผยว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัส Covid-19 รายใหม่จะพุ่งขึ้นมาก โดยวานนี้เพิ่มขึ้นราว 3.8 หมื่นราย


นอกจากนี้ดัชนียังได้แรงเก็งกำไรการทำ Window dressing ปิด 2Q20 อีกด้วย อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยมากขึ้นหลัง IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP จาก -3% เป็น -4.9% รวมถึง Fund flow ต่างชาติที่ยังคไหลออกต่อเนื่องนั้นจะเป็นตัวกดให้ดัชนีอ่อนตัวลง


กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

- กลุ่ม Defensive ในช่วงตลาดผันผวน ( INTUCH TTW DIF )

- กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q20 จะเติบโตขึ้น  ( CKP TASCO STA  )

- หุ้นที่เข้าคำนวณ SET 50 / 100 รอบใหม่   BPP  TTW  ACE  BFIT DOHOME  RBF  SIRI SISB SPCG   TVO  WHAUP


หุ้นแนะนำวันนี้

PTTGC (ปิด 45.5 ซื้อ/เป้า 50) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว, คลาย lockdown ช่วยเพิ่มดีมานด์ทั้งฝั่งปิโตรฯและโรงกลั่น และยังได้เปรียบต้นทุนเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่าคู่แข่งที่ใช้นาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที


BCH (ปิด 14.9 ซื้อ /เป้า IAA Consensus 17.50) จำนวนผู้เข้าใช้บริการเริ่มฟื้นตัว ผลประกอบการผันผวนน้อยกว่าหากเทียบกับ BDMS และ BH เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มลูกค้าประกันสังคม (SSO) ประมาณ 33% ของรายได้รวม เสมือนเป็น Recurring income ของธุรกิจเพราะรายได้คิดตามจำนวนผู้ประกันตนและรายได้ และมีสัดส่วนลูกค้าจากต่างชาติเพียง 10-12% ของรายได้รวมจึงได้รับผลกระทบจาก Covid-19 น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ BDMS และ BH เช่นกัน


บทวิเคราะห์วันนี้

TU (ปิด 12.3 อัพเกรดป็นซื้อ/เป้าใหม่ 15.3)


ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ประกาศห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืน เพื่อรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนของจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 : เมื่อคืนที่ผ่านมากลุ่มธนาคารพาณิชย์มีข่าวดีเมื่อสหรัฐประกาศผ่อนคลายข้อกำหนดการลงทุนให้กับภาคธนาคาร ซึ่งจะทำให้ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐสามารถเข้าลงทุนในกองทุนร่วมลงทุน (venture capital) หรือกองทุนอื่นๆที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ และยังยกเว้นการกันสำรองเงินสดสำหรับการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ระหว่างบริษัทในเครือ


อย่างไรก็ตามเช้าวันนี้หุ้นกลุ่มธนาคารมี Sentiment เชิงลบหลังจาก Fed ประกาศห้ามธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐจ่ายเงินปันผล และ ซื้อหุ้นคืน โดยหากธนาคารพาณิชย์จะจ่ายปันผลสามารถทำได้แต่ให้อยู่ในระดับที่ไม่เกินกว่าระดับที่เคยจ่ายไปในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดีประกาศนี้อาจจะส่งผลเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารของสหรัฐในกรอบจำกัด เนื่องล่าสุด Fed ประกาศผล Stress test ของธนาคารส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับที่ผ่านมาธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐประกาศจะไม่ซื้อหุ้นคืนในช่วงวิกฤติ Covid-19 ระบาดกันไปแล้ว


(+) น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ จากข่าวผลสำรวจปริมาณการใช้รถตามเมืองหลักๆของโลกเริ่มฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับปกติแล้ว : ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ (+1.9%) ปิดที่ระดับ 38.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นักลงทุนคาดหวังดีมานด์การใช้น้ำมันดิบจะทยอยฟื้นตัวตอบรับข่าว 1) สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน อาทิ เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 15.8% ในเดือน พ.ค. เทียบกับเดือน เม.ย.ตัว 18.1% และ 2) ทอมทอม บริษัทด้านเทคโนโลยี เปิดเผยผลสำรวจจากการรวบรวมข้อมูลปริมาณการใช้รถและถนนของเมืองหลักๆทั่วโลกบางแห่งพบว่ามีปริมาณการใช้รถเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนวิกฤติ Covid-19 แล้ว


(+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม สัปดาห์หน้าติดตามกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน มิ.ย. และ สหรัฐรายงานตัวเลข Nonfarm payrolls : ปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์หน้า ปัจจัยในประเทศ ติดตาม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจเฟส 5 และ เห็นชอบโครงการ Travel bubble ให้กับนักธุรกิจจากต่างชาติ และเข้าสู่ช่วงปิดไตรมาส มีโอกาสเห็นกองทุนทำราคาปิดเพื่อหนุน NAV (window dressing) และติดตาม Preview งบ 2Q20 ของกลุ่มธนาคาร

ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังต้องเฝ้าติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในสหรัฐ ว่าจะยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนปัจจัยอื่นๆจะเกี่ยวเนื่องกับตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ การรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก (จีน ยุโรป และสหรัฐ) รวมไปถึงการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm payrolls) เดือน มิ.ย.เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานในสหรัฐ


**ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ นักลงทุนยังไม่มั่นใจในตลาดนัก หลัง GDP ของโลกถูกปรับลดรวมถึงของไทยด้วย  Fed สั่งธนาคารสหรัฐฯงดจ่ายเงินปันผล และตัวเลขผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากวันที่ผ่านมา รัฐบาลอาจต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน อย่างไรก็ตาม เราอาจเห็นการ rebound ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา กลยุทธ์ ยังแนะนำชะลอการลงทุน หรือ เก็งกำไรช่วงสั้น


WHO คาดผู้ติดเชื้อ Covid-19  จะแตะ 10 ล้านรายในสัปดาห์หน้า (ล่าสุด 9.5 ล้านราย) ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่ม 1.7% เป็นอัตราที่สูงสุดนับตั้งแต่ 30 พ.ค.เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดความกังวล นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง (นักลงทุนต่างประเทศ มีตัวเลข net sell $340 ล้านเหรียญ ใน 6 ตลาดหุ้นเอเซีย)


Fed ออกรายงาน Stress Test คืนที่ผ่านมา 2 ธนาคารใหญ่ (GS และ MS) มีเงินกองทุนฯลดลง 5-6% และสั่งให้ ธพณ.งดจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนไปจนถึง 30 ก.ย.  จะมีผลต่อ Dow Jones Futures วันนี้ แต่คาดไม่รุนแรงเนื่องจากราคาหุ้นสะท้อนไประดับหนึ่งจากข่าวออกมาปลายสัปดาห์ก่อน


ด้านตัวแปรในประเทศ การปรับลด GDP ปีนี้เหลือ 8.1% โดยธปท. ทำให้แรงซื้อหดหายไประยะหนึ่ง นักลงทุนจะให้ความสนใจในหุ้นที่กำไรสวนทางกับเศรษฐกิจไวเก่อน ซึ่งมีเป็นจำนวนน้อย รวมถึงหุ้นฟื้นตัวจาก Covid-19 ที่กำลังไต่ระดับขึ้นมาคือ กลุ่มอีเล็คทรอนอคส์ (KCE, DELTA)  แต่กลุ่มอิงท่องเที่ยว อาจยังชะลอตัวอยู่เพราะมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะใช้ พรก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน


#Strategy

ตลาดยังมีลักษณะของการซึมลงเข้าใกล้ 1300 จุด จนกว่าจะมีข่าวบวกใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุน ยังแนะนำชะลอการลงทุน หรือ เก็งกำไรช่วงสั้นๆ ไปก่อน พอร์ตลงทุนวันนี้ เราแนะนำหุ้นขนาดกลาง แบบเก็งกำไร 2 ตัว คือ BCH และ KCE   ทำให้พอร์ตหลักของเรา วันนี้จะประกอบด้วย   MEGA (20%), CK(20%), BCH(10%), KCE(10%) ส่วนพอร์ต KTBST SET50 (Skynet)  หุ้น 3 ตัวเหมือนเดิม คือ CBG (20%), WHA (20%), CPF (20%)


#Strategy top picks

BCH  (เป้าเชิงกลยุทธ์ 15.50 บาท) – ผู้ป่วยเริ่มกลับเข้าโรงพยาบาล การเปิดให้ทำกิจกรรมทางธุรกิจเกือบทั้งหมด ทำให้ผู้ป่วยเริ่มกลับเข้าสู่ระบบโรงพยาบาลมากขึ้น ขณะที่การที่เตรียมผ่อนคลายให้ผู้ป่วยต่างชาติมาไทย เป็นข่าวบวกของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล (BCH มีสัดส่วน 10%)


ผู้บริหารคาดรายได้ปี 2020E ยังสามารถโตได้ 2 digit โดยบริษัทได้รับผลกระทบจำกัดจาก COVID-19 เนื่องจากแมัจะมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ 10% ของรายได้รวม แต่บริษัทมีแผนหนุนรายได้ อาทิ COVID-19 activity และ การรวมมือกับ 6 โรงแรม เพื่อสร้าง Alternative state quarantine


BCH มีเคสตรวจ COVID-19 มากกว่า 90,000 เคส คิดเป็นสัดส่วน 54% ของเคสที่ตรวจใน รพ.เอกชน ทั่วประเทศ คาดว่าจะช่วยหนุนผลประกอบการ 2Q20E


Technical : SCC, JMT


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X