> เคล็ดลับลงทุน > MGT

15 มิถุนายน 2020 เวลา 16:00 น.

SNAPSHOT : MGT

MGT บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)


Company Background


MGT จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนเมื่อวันที่ 12พฤษภาคม 2559 มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ ดร.วิทยา อินาลา และ Megachem Limited "ML" จากประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้ถือหุ้นตั้งแต่ร่วมก่อตั้งบริษัทโดยส่งตัวแทนสองท่านมาเป็นคณะกรรมการบริษัท และไม่ได้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัท ทั้งนี้ MGT ประกอบธุรกิจบริการจัดจำหน่ายและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษครบวงจร (Specialty Chemical Solution Provider) โดยเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่บริษัทจัดจำหน่าย เป็นเคมีภัณฑ์ที่ใช้เป็นส่วนเพิ่มเติม (Additive) ในวัตถุดิบหลักให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเพื่อสร้างคุณสมบัติพิเศษต่างๆให้แก่ผลิตภัณฑ์ตามที่ผู้ผลิตต้องการ โดยมักจะใช้เป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณวัตถุดิบทั้งหมด และมีความหลากหลายสูง อีกทั้งเคมีภัณฑ์แต่ละชนิด จะมีผู้ผลิตจำนวนน้อยรายกระจายอยู่ในหลายประเทศ บริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากกว่า 1,000ชนิด ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมพอลีเมอร์ พลาสติก เรซิ่น กาว อุตสาหกรรมสี หรือ อุตสาหกรรมน้ำยาทำความสะอาดผิวโลหะ เป็นต้น


Key Development of Company


- มิถุนายน 2561จัดตั้งบริษัท เมกาเคมพลัส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 155ล้านบาท โดย MGT เข้าถือหุ้น 80%

- กุมภาพันธ์ 2561บริษัทร่วมลงทุนใน Megachem Myanmar Limited ซึ่งจดทะเบียนที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,218,000บาท) โดย MGT เข้าถือหุ้น 51%

- กุมภาพันธ์ 2560เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ด้วยเงินทุน 200ล้านบาท

- เมษายน 2559เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 150 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นจากหุ้นละ 100 บาท เป็นหุ้นละ 0.50บาท

- ตุลาคม 2535จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1ล้านบาท


Business Plan


1. MGT มีแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563เพื่อประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืนต่อผู้ถือหุ้น (optimize shareholder wealth) ดังนี้

1.1 จัดตั้งบริษัท Mega Fuji Graphite จำกัด (บริษัทร่วม) เพื่อวิจัย พัฒนา ผลิต และจำหน่าย Expand Graphite

1.2ร่วมเป็นคู่ค้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อเป็นการขยายธุรกิจ และกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจหลักไปสู่ธุรกิจใหม่


Investment Highlight


1.ดำเนินธุรกิจมากว่า 28 ปี ด้วยปรัชญา "ถูกต้องและโปร่งใส DO IT RIGHT" ส่งผลให้ไม่เคยเกิดผลกระทบที่เสียหายต่อคู่ค้า ผู้ถือหุ้น สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจในยุคศตวรรษที่ 21


2.มีข้อมูลสารสนเทศขนาดใหญ่ MGT เล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ เมื่อปี 1999 บริษัทจึงลงทุนระบบ SAP ซึ่งเป็นระบบ ERP สัญชาติเยอรมันที่มีมาตรฐานและความยืดหยุ่นสูง เพื่อใช้ในการวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจ ทำให้ปัจจุบัน MGT มีข้อมูลครอบคลุมทุกส่วน ทั้งด้านคู่ค้า, การบริหารจัดการ, บัญชีและการเงิน และระบบความปลอดภัยของธุรกิจ


3.มีบุคลากรมืออาชีพ ทำงานแบบบูรณาการ เพื่อบรรลุเป้าหมายรวมขององค์กร MGT มุ่งเน้นการพัฒนาอบรมให้พนักงานทุกหน่วยงาน สามารถเข้าถึงข้อมูลตามลำดับชั้นเพื่อนำไปปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้อง ตามวัตถุประสงค์ขององค์กร เน้นย้ำการอบรมการทำงานให้พนักงานเข้าใจถึงงานของแต่ละหน่วยงาน เพื่อสามารถบูรณาการ การทำงานให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น


4.โอกาสเติบโตทางธุรกิจ MGT ดำเนินธุรกิจในรูปแบบการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างครบวงจร โดยการเป็นผุ้เชี่ยวชาญจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถลดต้นทุนดำเนินการได้ MGT พิสูจน์แล้วว่ารูปแบบธุรกิจนี้สามารถทำให้ MGT เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ดูจากผลงานที่ผ่านมา MGT มีผลประกอบการที่เติบโตขึ้นในอัตราที่ดี และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง


MGTผลงานครึ่งปีแรกโตเด่น

ลุยปั๊มยอดขายแตะ950ล้านบ.


ทันหุ้น – สู้โควิด - MGTส่งซิกผลงานครึ่งปีแรกสูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน บิ๊กบอส “วิทยา อินาลา” ลั่นเคมีภัณฑ์กลุ่มยา อาหาร แพจเจจิ้งโตเด่น บาทแข็งกดต้นทุนนำเข้าสินค้าลดฮวบ ปักหมุดยอดขายปีนี้ที่ 950 ล้านบาท เดินเกมปั๊มอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อน 10.49%


ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2562 จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยการเติบโตมาจากการจำหน่ายสินค้าเคมีภัณฑ์ในกลุ่มยา อาหาร แพจเกจจิ้ง ที่เติบโตเพิ่มขึ้น ตามช่องทางออนไลน์  ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้สินค้ากลุ่มอุปโภค บริโภคประกอบกับบริษัทบริหารจัดการการเรื่องวัตถุดิบ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในระดับดี และรวดเร็ว โดยการเจรจากับซัพพลายเออร์ต่างประเทศตลอดเวลา ทำให้บริษัทสามารถส่งของได้ทันทีหากลูกค้าต้องการสินค้า


เดินหน้าขายสินค้า


ขณะที่แผนการดำเนินงานครึ่งปีแหลังปี 2563 บริษัทยังเดินหน้าขายสินค้าให้กับลูกค้าเดิม แต่จะเพิ่มสินค้าใหม่เข้าไป เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มรถยนต์ช่วงที่ผ่านมาหยุดผลิตชั่วคราว ทำให้คำสั่งซื้อ(ออเดอร์) จากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เช่น การผลิตยางรถยนต์ ทำสี สั่งซื้อสินค้าลดลง


นอกจากนี้แนวโน้มยอดขายบริษัทย่อย หรือ บริษัท เมกาเคมพลัส จำกัด คาดจะเติบโตได้ในระดับดี โดยเฉพาะการนำเข้าเอทานอลจากต่างประเทศ เข้ามาจำหน่ายในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันความต้องการใช้เอทานอลเพื่อนำมาเป็นส่วนผสมเจลล้างมือ สเปรย์ฆ่าเชื้อมีความต้องการมาก ทั้งนี้ทิศทาง 6เดือนบริษัทมีออเดอร์ เข้ามาเป็นเท่าตัว


อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจยอดขายรวมปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 950 ล้านบาท จากปีก่อนทำได้ 681.78 ล้านบาท สำหรับยอดขายที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็น ยอดขายจากบริษัท เมกาแคม (ประเทศไทย) ราว 700-750 ล้านบาท ยอดขาย บริษัท เมกาเคมพลัสราว 150 ล้านบาท และจากยอดขายอื่นๆ ที่ 50 ล้านบาท


บาทแข็งกดต้นทุน


นอกจากนี้บริษัทพยายามผลักดันให้อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปีนี้สูงกว่าปีก่อน 10.49% จากการเพิ่มยอดขาย และต้นทุนการขายสินค้าให้ลดลง อย่างไรก็ดีทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ในทิศทางแข็งค่า ดังนั้นจะเป็นผลดีต่อการดำเนินการ หรือการขำเข้าสินค้าต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย อนึ่ง 3 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทรายได้อยู่ที่ 198.51 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 24.86 ล้านบาท


ในส่วนของความคืบหน้าของโครงการผลิตกราไฟต์ หรือการร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่น ปัจจุบันได้สรุป MGT มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 49% และส่วนที่เหลือคือพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น 51% ปัจจุบันบริษัทได้ชะลอแผนการร่วมมือไปก่อน เนื่องจากประสบปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้พันธมิตรไม่สามารถเดินทางมาร่วมมือในการดำเนินธุรกิจได้ อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้ยกเลิกแผนการร่วมมือ แต่อยู่ระหว่างรอความชัดเจนหลังโรคระบาดโควิด-19

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X