สำรวจหุ้นที่ได้ผลบวกจากคลายล็อคเฟส 4, ยกเลิกเคอร์ฟิว, travel bubble

ทันหุ้น-สู้โควิด-บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากสุดจากการคลายล็อกเฟส 4, ยกเลิกเคอร์ฟิว, และ travel bubble ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน ได้แก่ AAV, AOT, CENTEL, ERW, PTG จะได้ประโยชน์มากสุดดังรายละเอียดดังนี้

-การประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว จะทำให้เวลาทำการของธุรกิจต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้น ดังนี้

1) ศูนย์การค้า & ห้างสรรพสินค้า (SF, PLAT, CRC, CPN, MBK, AWC)

2) ร้านสะดวกซื้อ (CPALL)

3) ร้านขายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน (DOHOME, HMPRO, GLOBAL)

4) ร้านอาหารในห้าง (AU, ZEN, M, OISHI, SNP, CENTEL, MINT)

5) ร้านค้าในห้าง (COM7, JMART, IT, MC, BEAUTY, TKN)

6) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

7) ระบบขนส่งมวลชน (BEM, BTS, AAV, AOT)

8) ปั๊มน้ำมัน (PTG, PTT, ESSO, BCP)

9) รับเหมาก่อสร้าง (CK, STEC)

-ให้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 ใน 3 กลุ่มกิจการ/กิจกรรม คือ 1.การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา 2.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต และ 3.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพ หรือ สันทนาการ โดยเราประเมินว่าหุ้นที่จะได้ประโยชน์มี ดังนี้

1) กลุ่มโรงแรม (ERW, MINT, CENTEL, AWC), กลุ่ม Media (PLANB, RS) ศูนย์แสดงสินค้า+ศูนย์ประชุม (IMPACT) สามารถจัดประชุม, อบรม, สัมมนา, คอนเสิร์ต, งานจัดเลี้ยง และงานอีเว้นท์ ไ ด้

2) ผู้ประกอบการ TV (BEC, WORK) การถ่ายทำรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ทำได้มากขึ้น

3) อื่นๆ ได้แก่ BGC จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการอนุญาติให้มีการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ ซึ่งจะทำให้ยอดขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

-การขนส่งข้ามจังหวัด ในส่วนของเครื่องบินสามารถใช้ที่นั่งได้เกือบ 100% จากเดิมที่ใช้ได้ 70% ซึ่งจะเป็นบวกต่อ กลุ่มสายการบิน (AAV) ซึ่งจะทำให้สายการบินสามารถขายตั๋ว/ลำ ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาขายตั๋วเฉลี่ยลดลง ซึ่งจะช่วยเพิ่ม load factor และจำนวนผู้โดยสารปรับตัวดีขึ้น

- นอกจากนี้ หากมีการเห็นชอบหลักการ Travel Bubble จะส่งผลบวกต่อกลุ่มสายการบิน, สนามบิน รวมทั้งบวกเล็กน้อยต่อกลุ่มโรงพยาบาล และนิคมฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) กลุ่มสายการบิน (AAV), สนามบิน (AOT): เป็นสัญญาณบวกที่จะทำให้ กพท.อนุญาตให้กลับมาเปิดน่านฟ้าได้ในเดือน ก.ค. ซึ่งจะทำให้สายการบินกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ในบางประเทศที่เป็น travel bubble ได้แก่ จีน ซึ่งเรามองเป็นบวกต่อ AAV มากสุด เนื่องจากเป็นฐานลูกค้าหลักของ AAV นอกจากนั้น ยังเป็นบวกต่อ AOT ที่จะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น

2) กลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS, BCH, CHG, THG, EKH): ได้รับผลบวกเล็กน้อย เนื่องจากเราคาดว่าประเด็นดังกล่าวจะช่วยลดระยะเวลาในการรักษาในไทยให้สั้นลงเป็น 14 วัน จากเดิม 20-25 วัน (กักตัว 14 วัน + ระยะเวลารักษา 5-7 วัน) ในขณะที่เราประเมินว่าการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติไม่ดีมากนัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการรักษาจะยังอยู่ในระดับสูง จากการที่ผู้ป่วยจะต้องกักตัวภายในโรงพยาบาลอย่างน้อย 5 วัน เพื่อตรวจเชื้อรอบที่ 2ก่อนที่จะดำเนินการรักษา รวมทั้งยังคงต้องจ่ายค่าแพ็กเกจการกักตัว 14 วัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 53,000 บาท/คน (อิง BDMS wellness resort/คน) และญาติที่ติดตามมากับผู้ป่วยยังคงต้องกักตัว 14 วันเช่นเดิม

3) กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA): ได้ผลบวกเล็กน้อย จากโอกาสที่นักลงทุนจะกลับเข้าประเทศไทยที่เร็วกว่าที่เราคาดเดิมในกลาง-ปลาย 3Q20E ส่งผลบวกต่อยอด presale และ transfer ที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เราประเมินว่ากลุ่มธุรกิจแรกที่จะกลับมาลงทุนจะเป็นกลุ่มธุรกิจ Electronic และกลุ่มประเทศจีน (จีน+ไต้หวัน) อิงจากยอดอนุมัติ BOI ที่เพิ่มขึ้น 3M20 +129% YoY และ +10% YoY ตามลำดับ

4) กลุ่มโรงแรม (ERW, CENTEL, MINT): ได้ผลบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาได้บางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ Travel Bubble กับจีน เพราะมีสัดส่วนสูงถึง 30% เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวรวม

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1