> SET > SKE

12 มิถุนายน 2020 เวลา 13:05 น.

SKEคงแผนซื้อโรงไฟฟ้า มั่นใจรายได้ปี63ตามเป้า

ทันหุ้น –สู้โควิด: SKE มองปริมาณการใช้พลังงานครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น ในส่วนของ ธุรกิจ NGV ไตรมาส 2 กระทบหนักต่อเนื่องจากไตรมาสแรก แต่มั่นใจภาพรวมโตได้ดีที่รับแรงหนุนจากธุรกิจโรงไฟฟ้า ทำให้ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2563 โต 50% ทางด้านผู้บริหารเดินตามแผนงานต่อเนื่อง อยู่ระหว่างเจรจาซื้อโรงไฟฟ้า ขนาดกำลังผลิต 5-10 เมกกะวัตต์


นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE คาดว่า ความต้องการใช้พลังงาน ในครึ่งปีหลังจะหลับมาฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผลการดำเนินในครึ่งปีหลังเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2563 ธุรกิจก๊าซ NGV ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากปริมาณการใช้งานลดลง แต่ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล แทบไม่ได้รับผลกระทบ 


“การให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยอมรับว่าได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงไตรมาส1 และกระทบหนักสุดในช่วงไตรมาส 2 จากมาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ดี แม้ว่าปริมาณการอัดก๊าซ NGV จะลดลง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีสัญญาขั้นต่ำกับทาง ปตท.ที่ 520 ตัน/วัน จึงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก“


ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบันภายใต้เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และปริมาณการใช้ NGV ที่ลดลง รวมถึงราคาก็มีการปรับลดลง บริษัทจึงได้ปรับตัวเลขปริมาณการบรรจุก๊าซNGV ลง ตั้งแต่ช่วงเดือน เมษายน เหลือที่ 300 ตันต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี 2563


ส่วนเป้าหมายรายได้ที่คาดว่าจะเติบโต 50% บริษัทยังมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเดิม เนื่องจากมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD)ที่รับรู้เต็มปี ขณะที่สัดส่วนรายได้ของธุรกิจ NGV ปัจจุบันอยู่ที่ราว 45% ,ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ามีสัดส่วนรายได้ที่ 50%ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจ CBG ที่ 4-5%


ทั้งนี้ ตามแผนงานที่วางไว้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% โดยจะมาจาก 2 ธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) ที่จะมีการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ หลังเริ่มดำเนินการในเดือน ธันวาคม 2562 โดยจะขายก๊าซให้กับโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ก็คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี หลังเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนสิงหาคม 2562


ส่วนแผนการลงทุน โดยปี 2563 บริษัทวางงบลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า ราว 300 ล้านบาท แม้ว่าปีนี้สถานการณ์จะไม่เอื้อต่อการลงทุน แต่บริษัทยังคงเดินตามแผนงานที่วางไว้ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า ขรนาดกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 5-10 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่บริษัทมีขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ 9.9 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้าอยู่ที่ 8 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยปี 2565 บริษัทตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) ได้ไม่ต่ำกว่า 30 เมกะวัตต์


นอกจากนี้บริษัทได้มีการขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทไว้ว่าจะมีการเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท  รวมถึงออกตั๋วแลกเงินระยะสั้น (B/E) จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนใหม่ แต่ปัจจุบันเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอนทำให้บริษัทได้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน


"เรามองถึงโอกาสในการลงทุน สำหรับอนาคตซึ่งเมื่อโอกาสมาถึงเราจะได้มีความพร้อม และความคล่องตัวในการลงทุน โดยจะเน้นการลงทุนธุรกิจพลังงานเป็นหลัก โดยมองว่าช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีโอกาสลงทุนเพิ่มเติมจากโครงการที่บริษัทพัฒนาอยู่ และศึกษามาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว" นายจักรพงส์ กล่าว

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X