ทันหุ้น – สู้โควิด – กระทรวงคมนาคม เร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภคโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วางงบ 4.1 พันล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ ระบุเป็น Upside ต่อ CK ในอนาคตทั้งปริมาณงานในมือและมูลค่าหุ้น คาดผลงานไตรมาส 2/2563 พลิกบวกจากรายได้เงินลงทุนใน TTW-BEM-CKP แนะ ซื้อเป้า 22 บาท

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เร่งรัดงานรื้อย้ายสาธารณูปโภคของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โดยให้อำนาจตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจรวบรวมเจ้าหน้าที่จากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงพลังงาน, กรมที่ดิน, กรมธนารักษ์,

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC), กรุงเทพมหานคร ,การประปานครหลวง, การประปาส่วนภูมิภาค, การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, และ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด เพื่อพิจารณาการอนุญาตและการอนุมัติให้ใช้พื้นที่ที่เกี่ยวข้องสาธารณูปโภคในโครงการฯ เป็นไปโดยเร็ว เน้นให้การดำเนินงานอยู่ภายใต้กรอบเวลาที่กำหนด

*งบรื้อย้าย 4.1 พันล้าน

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภค และก่อสร้างทดแทนในพื้นที่ฯ (เฉพาะส่วนที่หน่วยงานของรัฐเจ้าของสาธารณูปโภคต้องดำเนินการ) วงเงิน 4,103 ล้านบาท

ส่วนแผนงานรื้อย้ายสาธารณูปโภคและก่อสร้างทดแทนสาธารณูปโภคที่กีดขวางการก่อสร้างโครงการฯ ของหน่วยงานภายใต้กระทรวงพลังงาน (PTT และ กฟผ.) รวมทั้งของเอกชนอื่นๆ นั้น หน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภคและเอกชนเจ้าของสาธารณูปโภคจะดำเนินการรื้อย้ายและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเอง

สำหรับพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 4,421 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ดอนเมือง, พญาไท, สุวรรณภูมิ, อู่ตะเภา, ชลบุรี, ระยอง, และฉะเชิงเทรา โดย รฟท.สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ทันที 2 ส่วนประกอบด้วย 1.พื้นที่เชิงพาณิชย์ในมักกะสัน 142.26 ไร่, 2.พื้นที่ที่ต้องก่อสร้างบางส่วนประมาณ 3,151 ไร่ ส่วนพื้นที่ที่ยังมีข้อติดขัอยู่ ได้แก่ พื้นที่ที่มีผู้บุกรุกจำนวน 513 ราย รวม 210 ไร่ คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี นับจากวันลงนามจึงจะสามารถส่งมอบพื้นที่ได้

*CK ลุ้นงานก่อสร้าง

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้กลุ่มกิจการร่วมค้า CP และพันธมิตรเซ็นสัญญาไปแล้ว แต่ยังไม่มีการแบ่งงานก่อสร้างให้กับพันธมิตรทั้ง CK และ ITD อย่างเป็นทางการ ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์จึงยังไม่ได้รวมมูลค่างานดังกล่าวไว้ในประมาณการราคา ณ ปัจจุบัน

ขณะที่คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2563 ของ CK จะพลิกเป็นกำไรเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/2563 จากการรับรู้เงินปันผลของ TTW ประมาณ 232 ล้านบาท และจะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในงวดไตรมาส 3/2563 และไตรมาส4/2563 จากการฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า และการจราจรบนทางด่วนของ BEM, และการเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อ CKP

ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างคาดทรงตัวทั้งรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้นจากการรับรู้โครงการต่อเนื่อง ส่วนรถไฟฟ้าสีส้มตะวันตกและเดินรถตลอดเส้น มูลค่าราว 1.2 แสนล้านบาท ที่เป็นไฮไลท์ของปีนี้ จะประมูลช่วงครึ่งหลังของปีตามกำหนดเดิม เป็นโอกาสของผู้รับเหมาทั้งกลุ่ม รวมถึงผู้เดินรถ และเสาเข็ม

โดยฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่ากลุ่ม CK-BEM มีโอกาสสูงที่จะได้รับผิดชอบโครงการดังกล่าว จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 22 บาท โดยจะพิจารณาปรับประมาณการเมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติม