> SET >

10 มิถุนายน 2020 เวลา 10:11 น.

สำรวจหุ้นที่มีผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า

ทันหุ้น-สู้โควิด-บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่าปัจจุบันค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นราว 4.3% QTD สอดคล้อง กับสกุลเงินในเอเชียอื่นๆ เป็นผลพวงจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า จากการคาดการธนาคารกลางสหรัฐฯจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากผลกระทบ COVID-19 รวมถึงการส่งออกทองคำปริมาณมากของไทย ทั้งนี้แม้ธนาคารแห่งประเทศไทยพยายามส่งสัญญาณเข้าแทรกแทรงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าขึ้นไปมาก แต่ยังคงมีหลายปัจจัยสำคัญให้ติดตามซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนในระยะถัดไป ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ, dot plots ชุดใหม่ของเฟด รวมไปถึงข้อมูลจากจีน เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจเดือน พ.ค. เป็นต้น


ความไม่แน่นอนในหลายปัจจัยส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนในอนาคต อย่างไรก็ตามการที่ QTD ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากว่า 4.3%คาดส่งผลต่อผลประกอบการ 2Q20E ในหุ้น/อุตสาหกรรมที่เราจัดทำบทวิเคราะห์ดังนี้


( + ) สำหรับหุ้น/อุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก “ค่าเงินบาทแข็งค่า”

1) กลุ่มสายการบิน THAI, AAV, BA มีโครงสร้างต้นทุนเป็นเงินสกุลดอลลาร์ราว 60%ค่าเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ต้นทุนลดลง

2) กลุ่มพลังงาน เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx gain เรียงลำดับมากสุด ได้แก่ PTT, PTTGC, TOP ขณะที่ฝั่งรายได้และค่าใช้จ่ายจะเกิด natural hedge

3) กลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้มีการบันทึก unrealized fx gain เข้ามา อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวเป็นเพียงรายการทางบัญชีและไม่ได้มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ทั้งนี้หุ้นที่มี impact จากประเด็นดังกล่าวประกอบด้วย GULF, BGRIM, GPSC, RATCH, WHAUP, GUNKUL

4) อื่นๆ

PRM แม้จะเกิด natural hedge จากฝั่งรายได้และค่าใช้จ่าย แต่บริษัทจะรับรู้ unrealized fx gain จากเงินกู้สกลุลดอลลาร์ ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะทำให้มี FX Gain ราว 40 ล้านบาท

TVO จะได้ต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบที่ถูกลง (บริษัทนำเข้าถั่วเหลืองจากต่างประเทศราว 75-80%) ทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่า จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 3%

TKN ประเมินจะได้ผลบวกเล็กน้อย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเป็นดอลลาร์มากกว่ารายได้เล็กน้อย


ทั้งนี้ หุ้นที่น่าสนใจจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เรายังชอบ PRM (ซื้อ/เป้า 9.70 บาท) จากแนวโน้มกำไร 2Q20E ที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ และ TVO (ซื้อ/เป้า 28.50 บาท) อาจจะทำให้กำไรมีแนวโน้มดีกว่าคาดเดิม


( - ) ส่วนหุ้น/อุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะได้รับผลลบจาก “ค่าเงินบาทแข็งค่า” ซึ่งเราแนะนำให้ระมัดระวังการเข้าลงทุน ได้แก่

1) กลุ่มอิเลกทรอนิกส์ เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก การแข็งค่าของเงินบาททุกๆ 1 บาท จะมีผลทำให้กำไรของ KCE ลดลง -6% และ HANA ลดลง -5%

2) กลุ่มอาหาร เนื่องจากมีรายได้ส่วนใหญ่จากต่างประเทศ โดยเรียงลำดับทุกการแข็งค่า 1 บาทจะส่งผลต่อกำไรลดลงดังนี้ STA -6%, TU -5%, CPF -5%, ASIAN -5%, GFPT -2%

3) อุตสาหกรรมอื่นที่ได้ผลกระทบเชิงลบจากค่าเงินบาทแข็งยังคงมีสาเหตุจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากการส่งออก ได้แก่

SMPC ประเมินทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าทำให้กำไรลดลง -8-10%

MEGA ประเมินทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าทำให้กำไรลดลง -7%

EPG ประเมินทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าทำให้กำไรลดลง -4%



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X