ทันหุ้น – สู้โควิด – รัฐมนตรีคมนาคม ย้ำชัด นายกฯ สั่งเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน 100% ตามกรอบเวลา เล็งเพิ่มสัดส่วนการลงทุน PPP ลั่นโครงการขนาดใหญ่เดินหน้าแน่ สายสีส้ม-สีม่วงประมูลปีนี้  ด้านนักวิเคราะห์ชี้หุ้นรับเหมาปัจจัยหนุน 2 เด้ง โควิด-19 กระทบจำกัด รัฐเร่งลงทุนหนุน Backlog ชู CK- PYLON- SEAFCO เด่น

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุ นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้ทุกกระทรวงเร่งลงทุนโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในลักษณะ “การร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน” หรือ PPP เพื่อลดภาระการใช้เงินลงทุนภาครัฐบาล

โดยในส่วนของงบประมาณประจำปี 2563 วงเงิน 208,317 ล้านบาท ยังคงเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายในครบ 100% ภายในเดือนกันยายน2563 นี้, ส่วนงบลงทุนอีก 170,524 ล้านบาทในส่วนของรัฐวิสากิจ ก็จะเร่งรัดโครงการให้เป็นไปตามกรอบการลงทุน ซึ่งจะเบิกจ่ายงบประมาณได้ 100% ภายในเดือนธันวาคม 2563

สำหรับโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานทั้งโครงการรถไฟไทย-จีน, โครงการร่วมลงทุน PPP, ฯลฯ ก็มีการติดตามอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นคาดว่าโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วง กรุงเทพฯ – นครราชสีมา อยู่ระหว่างดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นยังคงกรอบการลงนามสัญญาร่วมกับฝ่ายจีนภายในเดือนตุลาคม 2563 นี้

@ส้ม-ม่วงประมูลปีนี้

ทั้งนี้ โครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูลคือ รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก (ศูนย์วัฒนะธรรม-บางขุนนท์), โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์ ซึ่ง ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนที่ดินแล้ว ทั้ง 2 โครงการจะเปิดประมูลหาผู้ร่วมลงทุนภาคเอกชนได้ภายในปี 2563 เพื่อให้เริ่มก่อสร้างได้ในปี 2564 รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางแค-พุทธมณฑล สาย4 วงเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท ก็อยู่ระหว่างศึกษาเพื่อดำเนินโครงการ

สำหรับแผนพัฒนาโครงการมอเตอร์เวย์เชื่อมการเดินทางระหว่างเมือง อาทิโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) นครปฐม-ชะอำ 7.9 หมื่นล้านบาท, มอเตอร์เวย์ วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ตอนบางขุนเทียน-บางบัวทองวงเงิน 6 หมื่นล้านบาท รวมถึงงานเดินรถและบำรุงรักษา (Operations and Maintenance หรือ O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ทั้ง 3 โครงการอยู่ระหว่างศึกษาทบทวน

"โครงการใหญ่จะให้เอกชนร่วมลงทุน PPP เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม กำลังจะเปิดประมูล ส่วนการเดินรถรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็ให้ไปศึกษาเพื่อเปิดให้เอกชนเข้ามาเดินรถ เป็นการลดภาระรัฐ เพราะภาครัฐจองปรับงบประมาณปี 2564 ใหม่หลังเกิดโควิด-19 ซึ่งการลงทุน PPP เป็นทางเลือกที่ดี”

@หนุนหุ้นกลุ่มรับเหมา

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุ หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นกลุ่มที่จะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐบาล รวมถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนทั้งเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลก ประกอบกับราคาซื้อ-ขาย ณ ปัจจุบันยัง Under Value สวนทางกับฐานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้หากมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ กลุ่มรับเหมาฐานราก็จะได้รับงานเป็นอันดับแรกๆ หนุน Backlog ในมืออย่างต่อเนื่อง ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ทั้ง PYLON และ SEAFCO

โดย PYLON มี Backlog ณ ปัจจุบันที่ 748 ล้านบาท คาดว่าการทยอยประมูลโครงการต่างๆ จะเข้ามาเติม Backlog ในมืออย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน Laggard เมื่อเทียบกับ SET อีกทั้งยังมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 6.7% จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.80 บาทมี Upside ถึง 31.8%

ขณะที่ SEAFCO มี Backlog ประมาณ 2 พันล้านบาท คาดอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 4.4% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8.20 บาทมี Upside ถึง 46.4%

หุ้นใหญ่ได้ CK เด่น

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ระบุ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ราว 10% ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นได้รับผลกระทบประมาณ 20-40% ขณะเดียวกันยังจะไดรับอานิสงส์จาก การเร่งรัดลงทุนโครงการภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะทยอยเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2563 เป็นต้นไป

ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า CK มีโอกาสได้รับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก "บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม" มูลค่า 1.27 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงินลงทุน 1.24 แสนล้านบาท, รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายในอนาคต ขณะเดียวกันยังมีงานสร้างเขื่อนแห่งใหม่ใน สปป.ลาว มูลค่าราว 1 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการเหล่านี้มีจะช่วยเสริมมูลค่างานในมือ (Backlog) ขึ้นมาอย่างต่ำ 1.5-2 แสนล้านบาทในปี 2563 จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยราคาปัจจุบันยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 27 บาทพอสมควร