ทันหุ้น –สู้โควิด- LH ตุนที่ดินรองรับการเปิดโครงการใหม่ได้ถึง 4 ปี ชี้ลดภาษีที่ดิน 90% ช่วยลดต้นทุน เผยยอดขายไตรมาส 2/2563 แนวโน้มดี โครงการแนวราบยืนหนึ่ง เล็งเปิดเพิ่มอีก 12 โครงการ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปีนี้พร้อมอัดโปรโมชั่นปั๊มยอดขายเพิ่ม
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่าสำหรับมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง90% มองว่าเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นมาตรการที่จะมาบรรเทาความเดือนร้อนของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนบริษัทปรับตัวลดลง ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินในมือสามารถรองรับการเปิดโครงการใหม่ได้ถึง4 ปี
ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยโครงการแนวราบยังมียอดขายในระดับที่ดี แต่ในส่วนของคอนโดมีเนียมอาจจะมียอดขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ทั้งปีคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะลดลงเกิน 10%เช่นเดียวกับซัพพลาย ทำให้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มกลับสู่สมดุลมากขึ้น และคาดว่าปีหน้าแนวโน้มตลาดก็น่าจะกลับมาดีขึ้น
*อัดโปรโมชั่นปั๊มยอดขาย
ขณะที่ยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 2/2563 ยังมีแนวโน้มที่ดี โดยทั้งปียังคงเป้ายอดขายปีนี้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท และคงเป้ารายได้ที่ 3.33 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 9 พันล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยังเดินหน้าในการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง โดยมีแผนจะเปิดโครงการแนวราบอีก 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.1หมื่นล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2/2563 นี้ 1 โครงการ, ไตรมาส 3/2563จำนวน9โครงการ และไตรมาส 4/2563 อีก2 โครงการ ไม่มีการการคอนโดมิเนียมใหม่
อย่างไรก็ดีบริษัทจะเดินหน้าในจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มช่องทางการขายโครงการผ่านระบบออนไลน์ด้วย เพื่อเป็นการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาวะในปัจจุบัน ส่วนแผนการขายโครงการอพาร์ทเม้นท์ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 1 แห่ง จากปัจจุบันมีทั้งสิ้น 4 แห่ง ยังอยู่ในแผนของบริษัทตามนโยบายของบริษัทที่จะเข้าลงทุนและขายสินทรัพย์ออกไปเมื่อครบระยะเวลาลงทุนประมาณ 5-6 ปี ทำให้คาดว่าจะบันทึกกำไรพิเศษช่วงปลายปี
*เคาะเป้าซื้อ 10.60 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุถึง LH ว่าบริษัทยังคงเป้ารายได้และยอดจองสำหรับปีนี้ โดยในเดือน เมษายน LH เห็นการดำเนินงานของกลุ่ม Low-rise ดีขึ้น แต่ถูกกดดันจากกลุ่มคอนโด ทำให้ยอดโดยรวมคงที่ จากช่วงเดียวกันปีก่อน และยอดจองเริ่มกลับมาปกติในเดือน พฤษภาคม ทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายในการเติบโต และเริ่มการขายโครงการใหม่ๆ ผ่านระบบออนไลน์
แนะนำให้ “ซื้อ” LH โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 10.60 บาท อิง SOTP เนื่องจาก 1.การดำเนินงานของ Low-rise ที่ดีขึ้น 2.มูลค่าของเงินลงทุนใน HMPRO ที่เพิ่มขึ้น 3.การขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT แต่มีความเสี่ยงเชิงลบจาก 1.ผลการดำเนินงานที่แย่กว่าคาด 2.ยอดขายคอนโดที่ลดลง และ 3.ปริมาณสต็อคที่เพิ่มขึ้น
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม