ผลการดำเนินงาน 1Q63PPT รายงานการขาดทุนสุทธิที่ 1.55 พันล้านบาท จากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันของกลุ่มธุรกิจปิโตรและการกลั่น ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงจากสิ้นปี 62 ที่ 67.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 23.4 เหรียญณ สิ้น 1Q63 เนื่องจากสงครมราคาน้ำมัน สภาวะอุปทานล้นตลาดจากการที่กลุ่ม OPECไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตได้ ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลงตามภาวะเศรษบกิจเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่การปิดเมืองในหลายประเทศ

นอกจากนี้มีการปรับแผนการลงทุนจาก 6.9 หมื่นล้านบาทเหลือ 5.3 หมื่นล้านบาท โดยลดลงในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ราว 2.3 พันล้านบาท ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม ราว 2.1 พันล้านบาท และการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100% ลดลงอีกราว 1 หมื่นล้านบาท

สำหรับแนวโน้ม 2Q63 เราคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไรที่ผลการขาดทุนสต๊อกน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง โดยธุรกิจน้ำมันและโรงแยกก๊าซจะได้รับผลกระทบจากปริมาณขายที่ลดลงจาก lockdown และ ราคาน้ำมันที่ลดลง หลังกลุ่ม OPEC และชาติพันธมิตร ให้คำมั่นที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงประมาณ2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 8.5 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลก ทั้งนี้เราเชื่อว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q63 ไปแล้ว

แนะนำ “เคาะ” ครับ ปรับทดสอบยืน 35.00 และกลับตัวขึ้นด้วยการเรียงตัวแท่งเทียนlower UpยืนเหนือSMA ระหว่างวันทดสอบยืน 36.50-36.25 มั่นคงมีโอกาสทดสอบแนวต้านDouble Top 37.25 ผ่านยืนและมีVolumeเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณชี้นำขึ้นมาจะเป็นการสิ้นสุดรูปแบบแกว่งตัวออกด้านข้าง แนวต้านจุดทดสอบ 38.75

คำแนะนำของ ASL กรณี “มีหุ้น” ถือ หรือซื้อเพิ่มเมื่อผ่านยืน 37.25 ได้มั่นคงเป็นBuy  กรณี “ไม่มีหุ้น” ซื้อระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ 36.25/35.00 ไม่ควรต่ำกว่า