มุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของค่าการกลั่นและผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ 2Q20 เป็นต้นไป ทั้งนี้ TOP ได้เตรียมแผนรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ไว้แล้ว ดังนั้นการดำเนินงานของบริษัทจึงไม่น่าได้รับผลกระทบมีนัยสำคัญ

ค่าการกลั่นของ TOP มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ 2Q20 เป็นต้นไป หนุนโดยต้นทุนน้ำมันดิบที่ถูกลง และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 2H20 จากอุปสงค์ที่คาดว่าจะฟื้นตัวภายหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 คลี่คลายและมีการผ่อนปรนการล็อคดาวน์ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก

สำหรับแนวโน้มตลาดอะโรเมติกส์ในปี 2020 คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทั้ง PX และ Benzene จะถูกกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาด ในขณะที่ อุปสงค์ที่ชะลอตัวน่าจะเป็นปัจจัยกดดันส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นในปีนี้

สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 นอกจากการทำ optimization และการเพิ่มประสิทธิภาพในด้านการผลิต TOP มีแผนปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ราว 2-3 พันล้านบาทในปีนี้ รวมทั้งปรับลด CAPEX สำหรับ ปี 2020 ลง 20% เหลือ 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้การลงทุนในโครงการ Clean Fuel (CFP) ในปีนี้ อาจมีความล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ เนื่องจากการล็อคดาวน์ของหลายประเทศซึ่งเป็นผู้รับเหมาของโครงการ อย่างไรก็ตามบริษัทได้บริหารจัดการให้การก่อสร้างในประเทศไทยดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถเร่งโครงการให้เสร็จทันตามกำหนดการเดิมใน 1Q23 ได้

ในส่วนของแผนการระดมเงินสำหรับการลงทุนในอนาคต สภาพตลาด ณ ปัจจุบัน ไม่ได้มีข้อจำกัดในการออกหุ้นกู้ ซึ่งเป็นแผนหลัก (ทั้งในเรื่องของเงื่อนเวลา, อัตราดอกเบี้ย) ทั้งนี้บริษัทยังมีเงินสดในมือเพียงพอสำหรับใช้จ่ายลงทุนในปีนี้ รวมทั้งสามารถจัดหาเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ (หากต้องการ)

คาดการณ์การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานหลักต่อเนื่องถึง 4Q20 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนั้นมูลค่าหุ้นยังคงถูก โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2020 อยู่ที่เพียง 0.7 เท่า เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 50 บาท)