> SET > BAFS

29 พฤษภาคม 2020 เวลา 14:11 น.

BAFS ปรับแผนบุกธุรกิจใหม่ รับรายได้หลายทางลดเสี่ยง

ทันหุ้น – สู้โควิด: BAFS เตรียมซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศ 20 เมกะวัตต์ ลุยธุรกิจใหม่ด้าน AI- BlockChain เดินเกมกระจายรายได้ นอกเหนือธุรกิจเติมนํ้ามันอากาศยาน ส่วนปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปีนี้ คาดจะปรับตัวลดลง 58% ทิศทางหลังจากนี้ บริษัทมองว่าภาพรวมได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว


หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุน ด้านพลังงานทดแทนในประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เอื้อต่อการไปลงทุนในต่างประเทศ โดยมีแผนซื้อโรงไฟฟ้าประมาณ 20 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะจะทำให้สร้างรายได้คืนกลับมาให้แก่บริษัททันที


"โดยเป้าหมายในระยะถัดไปของ BAFSนั้นจะมุ่งจะสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทแม่ เพื่อปันผลให้บริษัทแม่ให้มากที่ สุดส่วนในเฟสต่อไป บริษัทก็จะเริ่มมีการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่า (value) ให้กับบริษัท และกิจการของตนเอง" หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ กล่าว


ปัจจุบันรายได้ 79%เป็นมาจากธุรกิจหลัก ที่เหลือมาจากธุรกิจเสริม ซึ่งบริษัทมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจเสริมเป็น 50% และธุรกิจหลักที่ 50% ซึ่งตามแผนต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 5 ปี ในการสร้างธุรกิจเสริมให้ฐานรายได้มีส่วนที่เท่าเทียมกัน หรือใกล้เคียงกันมากที่สุด เนื่องจากบริษัทมองว่าหากเกิดสถานการณ์ร้ายแรง กรณีเดียวกับโควิด-19 ในอนาคตยังมีรายได้จากส่วนอื่นเข้ามาสนับสนุนการเติบโต รวมถึงทำให้บริษัทได้รับกระทบไม่มาก เนื่องจากโครงสร้างรายได้ไม่ได้ผูกติดกับสัดส่วนใดส่วนหนึ่ง


ธุรกิจใหม่ด้านAI- BlockChain

ปัจจุบันธุรกิจยังเดินหน้าตามแผน ส่วนความคืบหน้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิตอลที่ดำเนินการผ่านบริษัทลูก bafs Innovation development (BID) โดยไปร่วมทุนกับบริษัทในต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ทำเรื่องฟินเทคหรือเทคโนโลยีทางการเงินของเอเชีย โดยมีศูนย์พัฒนาด้านเทคโนโลยี ในประเทศแคนาดา และประเทศอินเดีย


ล่าสุดได้มีการจัดตั้งบริษัททำธุรกิจ AI และ BlockChain โดย BAFS ถือหุ้นอยู่จำนวน 45% ล่าสุดเริ่มมีลูกค้าเข้ามาแล้วที่เป็นองค์กร รวมถึงภาครัฐ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งมอบงานให้แก่หน่วยงานภาครัฐ คาดว่าจะเข้าสู่การทดลองได้ในช่วงสิ้น เดือนมิถุนายน 2563 ก่อนที่จะนำมาใช้จริงในช่วง เดือนกันยายน 2563


สำหรับการขยายการให้บริการเติมน้ำมันในต่างประเทศ ก่อนหน้านี้บริษัทเคยศึกษาในประเทศที่มีศักยภาพสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในทวีปเอเซียและเอเชียใต้ และหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 บริษัทจึงต้องหันกลับมาประเมินสถานการณ์ใหม่ในธุรกิจหลักอีกครั้ง เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินถือ ว่าได้รับผลกระทบหนัก และน่าจะกินระยะเวลาอย่างน้อย 1-3 ปี บริษัทต้องมีการทบทวนแผนการลงทุน ส่วนการประมูลงานในประเทศบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าร่วมประมูลระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา และอยู่ระหว่างรอผล


ผ่านจุดต่ำสุด

สำหรับทิศทางหลังจากนี้ หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ มองว่า ภาพรวมบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ได้มีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 1-2 และกำลังเข้าสู่ระยะที่ 3 ในเร็ววันนี้เพราะฉะนั้นคาดว่าการเดินทางภายในประเทศจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเริ่มมีเที่ยวบินของหลายบริษัทกลับมาเริ่มเปิดให้บริการ ส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ของ BAFS ถึง 22.6% ธุรกิจอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทเชื่อว่า THAI ยังคงถือหุ้น BAFS เพื่อเป็นหลักประกันเมื่อกลับมาดำเนินธุรกิจการบินตามปกติ เพราะ BAFS สามารถเอื้อประโยชน์ให้บริการเติมน้ำมันได้


ส่วนปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานในปีนี้ คาดจะปรับตัวลดลง 58% หรือเหลือประมาณ 2,585 ล้านลิตร ส่วนปริมาณน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งรวมการเติมทางบกในปีนี้ จะปรับตัวลดลง 29% หรือเหลือประมาณ 3,253 ล้านลิตร  รวมถึงโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือของ FPT ที่ BAFS ถือหุ้นในสัดส่วน 75% จะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงต้นปีถึงกลางปี 2564 ส่วนการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังต่างประเทศ บริษัทคาดว่าจะสามารถส่งน้ำมันไปยังเมียนมาได้ผ่านคลังน้ำมันในจังหวัดพิจิตรในอนาคต

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X