ทันหุ้น –สู้โควิด – PTG เดินเกมรุกขยายฐานก๊าซหุงต้ม 80 สาขา วางเป้าขยับเป็น 105 สาขา ในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ หวังสร้างยอดขายเพิ่ม ฟากผู้บริหารลั่น EBITDA ปีนี้โต 10-12% รับดีมานด์ใช้น้ำมัน-ค่าการตลาดฟื้น หั่นงบลงทุนปี 2563 เหลือ 2.5 พันล้านบาท หวังรักษาสภาพคล่องให้แข็งแกร่ง ด้านโบรกประเมินค่าการตลาดเพิ่มขึ้นราว 0.05 บาท เป็น Upside ต่อกำไรสุทธิ200 ล้านบาท

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิของก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) ปี 2563 จะเติบโต 10-12% จากปีก่อน เนื่องจากภาพรวมของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID 19) เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณเติมน้ำมันเริ่มฟื้นตัวและค่าการตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ โดยปัจจุบันค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.80-1.90 บาทต่อลิตร ซึ่งเบื้องต้นทาง PTG ประเมินว่า ได้เห็นภาพรวมผลงานครึ่งหลังปีนี้ปรับตัวดีขึ้น และสนับสนุนให้ EBITDA เป็นไปตามที่ประเมินไว้

ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทได้ปรับลดงบลงทุนปี 2563 เหลือราว 2.5 พันล้านบาท จากเดิมที่วางไว้อยู่ที่ 4-5 พันล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนธุรกิจหลักของ PTG นั่นคือ ธุรกิจน้ำมัน อยู่ที่ 2 พันล้นาบาท, ลงทุนธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน (Non-Oil) ราว 300 ล้านบาท และขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท โดยการปรับลดงบดังกล่าวนั้นเพื่อต้องการรักษาสภาพคล่องของธุรกิจให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รองรับความเสี่ยงในอนาคตต่อไป

เดินเกมรุกก๊าซหุงต้ม

“ปีนี้เราคงมีแนวทางขยายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้มากขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในการขายน้ำมัน (มาร์เก็ตแชร์) ผ่านทุกช่องทางขยับเพิ่มเป็น 15% จากสิ้นไตรมาส 1/2563 ที่ราว 14.1% (อยู่ระดับที่ 2 ของประเทศเป็นรองเเพียง PTT)” นายพิทักษ์ กล่าว

*ขยายฐานก๊าซหุงต้ม

นอกจากนี้ บริษัทได้มีแนวทางจะหันมุ่งให้ความสำคัญกับการขยายฐานของธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับครัวเรือน (ก๊าซหุงต้ม) ผ่านทางบริษัทย่อยคือ บริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด โดยมีแผนขยายสาขาให้บริการในส่วนดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 80 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่แล้ว 25 สาขา โดยสาขาที่เปิดใหม่นั้นคงเน้นในแถบกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อสร้างยอดขายและสนับสนุนการเติบโตต่อเนื่อง โดยหากทุกอย่างสำเร็จคาดสิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จะมีสาขาให้บริการธุรกิจก๊าซหุงต้มภายใต้แบรนด์ PTG เพิ่มเป็น 105 สาขา รวมทั้งมีแนวทางขยายฐานในส่วนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจก๊าซหุงต้มในประเทศในอีก 5 ปีนับจากนี้ (ปี 2563-2567) ขยับเพิ่มเป็นอันดับที่ 3 ของไทยด้วย

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น PTG หลังจากได้รับข้อมูลจากที่ประชุมนักวิเคราะห์ในช่วงที่ผ่านมา ถึงแม้ปี 2563 จะเจอแรงกดดันจาก COVID-19 ทำให้อัตราการเติบโต (Volume Growth) โตลดลง รวมถึงค่าการตลาดผันผวน แต่ PTG ยังตั้งเป้าปี 2563 ที่ Aggressive โดยตั้งเป้า EBITDA growth ราว 10-12% จากปี 2562

*ค่าการตลาดมีอัพไซด์ต่อกำไร

อย่างไรก็ตาม มอง conservative กว่า โดยคาด EBITDA growth ที่ -6% y-y โดยเรามองทั้ง Volume Growth, ค่าการตลาด และ SG&A expensesต่อลิตร ที่ต่ำกว่าบริษัท โดยรวม Oil Business ปี 2563 น่าจะแย่กว่า 2562 แต่มีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ Palm Complex ที่โตมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการประคองกำไรปี 2563 มาเป็นตัวประคองกำไร

ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้ทางฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ไว้ราว 1.05 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประเมินผลบวกจากค่าการตลาดเพิ่มเติม (sensitivity) โดยมองทุกค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นราว 0.05 บาท เป็น Upside ต่อกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว 200 ล้านบาท และต่อราคาเป้าหมาย = 0.40 บาทต่อหุ้น จึงประเมินราคาเป้าหมายหุ้น PTG ไว้ระดับ 15.40 บาท รวมทั้งให้คำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"