> SET >

28 พฤษภาคม 2020 เวลา 07:45 น.

เรดาร์จับกลุ่มแบงก์ VIชี้ปันผล7%คุ้มถือ

ทันหุ้น-สู้โควิด- เจาะหุ้นกลุ่มแบงก์น่าสนหรือไม่? VI ชี้ราคาหุ้นยังถูก มีปันผล 6-7% ท่ามกลางดอกเบี้ยต่ำ เชื่อปีนี้ร้ายแป๊บเดียว ปีหน้าฟื้นคุ้มถือยาว ด้านนักวิเคราะห์ชี้ สินเชื่อ เม.ย.ดีขึ้น หลังแห่ปล่อยซอฟต์โลน รับไตรมาส 2 ผลงานแย่ NIM วูบ แต่ราคาถูก P/BV เพียง 0.4 เท่า เชื่อครึ่งปีหลังฟื้น เผยยักษ์แห่ขอสินเชื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ส่งผลดี


ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับมาทะยานอีกครั้ง ท่ามกลางปริศนาว่าการกลับมาขึ้นครั้งนี้ยาวนานแค่ไหน เพราะยังมีความท้าทายอยู่เบื้องหน้า


นายอนุรักษ์ บุญแสวง หรือ โจ ลูกอีสาน นักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากประเมินว่าราคาหุ้นยังไม่ได้ขึ้นมาสูง และมีปันผลระดับ 6-7% ซึ่งนับว่าเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว แม้ว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นกลุ่มที่เผชิญกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและหนี้เสีย แต่มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการเข้ามาช่วยบรรเทาในระดับหนึ่ง เช่น มาตรการการผ่อนปรนการชำระหนี้ และการผ่อนด้านเกณฑ์การเข้าสู่การเป็นหนี้เสีย (NPL) ยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด


ส่วนเศรษฐกิจแม้ว่าจะทรุดลงอย่างมากในปีนี้ แต่สำหรับตลาดทุนได้รับรู้ไปเรียบร้อยแล้ว โดยหลักการมองของ VI มันจะมองผ่านปีนี้ เพราะนับเป็นปีที่เศรษฐกิจ กำไรผิดปกติ ไม่ควรนำเข้ามาคำนวณ เพราะจะทำให้มุมมองผิดเพี้ยน โดยเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์จะฟื้นตัวพร้อมๆ กับเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3/2563 และมองว่า ไตรมาส 2/2563 จะเป็นจุดต่ำสุด ขณะที่ปีถัดๆไปก็จะฟื้นตัว


@แนะวิธีเลือกหุ้นแบงก์


“แบงก์ปันผลตอนนี้สูง 6-7% ซึ่งการที่หุ้นปันผลดีต่อเนื่องในระดับนี้ ก็น่าสนใจ ปีนี้ต้องมองข้าม เหมือนบริษัททำดีมาตลอด มีผิดปกติครั้งเดียว จะตัดสินว่าไม่ดี ก็ไม่ได้ ฉะนั้นหากถือในระยะยาว ได้ปันผลระดับนี้ก็พอใจ เพราะวันนี้ดอกเบี้ยก็ต่ำมาก”


อย่างไรก็ตามการเลือกลงทุนกลุ่มธนาคารนั้นจะต้องเข้าไปตรวจสอบด้วยว่า ธนาคารพาณิชย์ นั้นปล่อยสินเชื่อใดเป็นพิเศษ ส่วนตัวชอบที่ปล่อยสินเชื่อลิสซิ่ง เนื่องจากมองว่า การผ่อนรถยนต์นั้นมีระยะเวลานาน 5 ปี ดังนั้นการที่เจอปัญหาเพียง 6 -7 เดือนไม่น่าจะได้รับผลกระทบ ประกอบกับมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ก็ต้องไปเจาะลงไปว่าปล่อยมือ1 หรือ มือ 2 มากกว่ากัน หากปล่อยมือ 2 ความเสี่ยงต่ำจะหน่อย เพราะราคารถจะลดลงไม่มาก พร้อมกันนี้ยังชอบหุ้นที่มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง


ด้านนายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มธนาคารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมาตามหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว อย่างไรก็ตามประเมินว่า ในระยะใกล้นี้จะมีปัจจัยกดดันกลุ่มธนาคารหลายอย่างทั้งผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ที่จะออกมาไม่ดีตามเศรษฐกิจ ขณะที่แนวโน้มส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและกู้ ( NIM) ก็มองว่าจะต่ำกว่าไตรมาส 1 พอสมควร เพราะมีการลดดอกเบี้ยในช่วงเมษายนและพฤษภาคม ขณะเดียวกันการที่ธนาคารปล่อยซอฟท์โลนอัตราดอกเบี้ย 2% ก็จะกดดัน NIM ด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่ไตรมาส1 ธนาคารได้รับผลบวกจากการลดการส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน  


อย่างไรก็ดีมองว่าไตรมาส 2/2563 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของธนาคาร และครึ่งปีหลังน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสต่อไตรมาสได้


นายธนภัทร ยอมรับว่า หากมองข้ามปีนี้ไปปัจจัยที่กดดันธนาคารพาณิชย์หลายๆ อย่างจะเบาลงไปเยอะมาก มองว่าปลายปีจะเป็นจังหวะที่ซื้อได้ ส่วนราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ขณะนี้นับว่าถูกมากโดยมีราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีเพียง 0.4 เท่า เชื่อว่ามีการสะท้อนภาพลบไปเยอะพอสมควร แต่ด้วยปัจจัยลบยังมีมาอยู่ เชื่อว่าการที่ราคาหุ้นจะดีดไปแรงๆ อาจจะยาก แต่หลังจากไตรมาส 2 ภาพจะดูดีขึ้น


@ยักษ์แห่ขอสินเชื่อแบงก์


ด้านปันผลนั้น ยอมรับว่า ตอนนี้แบงก์ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6-7% แต่ปี 2563 ปันผลจะมีความเสี่ยงจากผลประกอบการ อย่างไรก็ดีหากนับผ่านปีนี้ไปและอัตรากำไรซื้อตัวเชื่อว่าปีข้างหน้าก็จะจ่ายปันผลได้ในระดับสูง พร้อมกันนี้หุ้นแบงก์มีปัจจัยบวกด้านสินเชื่อที่เติบโตขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ธนาคารได้มีการปล่อยซอฟท์โลนจากแบงก์ชาติเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ประกอบกับสถานการณ์ของหุ้นกู้ที่ขายได้ยาก ทำให้มีการกลับมาขอสินเชื่อแบงก์มากขึ้น ซึ่งนับเป็นธีมที่จะลงทุนหุ้นปีนี้ได้ โดยเฉพาะ BBL และ SCB ที่เข้าธีมการขอสินเชื่อเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้มากที่สุด

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X