ทันหุ้น – สู้โควิด – โบรกประสานเสียงเชียร์ซื้อ “JKN” ชี้ได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่รุนแรงของกลุ่มทีวีดิจิทัล เคาะกำไรปีนี้ที่ 277 ล้านบาท จากรายได้ค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้น 9% มาร์จิ้น 41.3% พร้อมอัพเป้าหมาย 6.40 บาท ฟากผู้บริหารใส่เกียร์ปั๊มยอดขายคอนแทนต์ต่างประเทศ หวังดันสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 50% ภายใน 3 ปี

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ว่า คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 กำไรสุทธิไตรมาส 1/63มีสัดส่วนเป็น 34% ของกำไรสุทธิปี 2563 เนื่องจากเป็น high season ยังเชื่อว่า JKN จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่รุนแรงของกลุ่มทีวีดิจิทัล ผู้ประกอบการยังคงได้รับความกดดันเรื่องค่าโฆษณา จึงต้องพยายามลดต้นทุนคอนเทนต์ ซึ่งคอนเทนต์ของ JKN มีราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคอนเทนต์ที่ผลิตเอง

เคาะกำไร 277 ล.

ดังนั้น คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 277 ล้านบาท (+9.4% YoY) บนสมมติฐาน 1) รายได้ค่าลิขสิทธิ์ขยายตัว +9% YoY จากการขายคอนเทนต์ทั้งไทยและต่างประเทศ ไปให้ทีวีดิจิทัล และ OTT platforms ในต่างประเทศ, 2) Gross profit margin อยู่ที่ 41.3%ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจาก 41.1% ในปี 2562 ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.40 บาท

บจ.หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุถึง JKN ว่า ทางฝ่ายคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งถือว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19ต่ำกว่าบริษัทอื่นในกลุ่มสื่อฯ ขณะที่ในไตรมาส 2/63 บริษัทมีแผนจัดตั้ง บริษัทย่อยสิงคโปร์ รองรับแผนขยายตลาดลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดต่างประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตามภาพรวมปี 2563 ประเมินรายได้แบบอนุรักษ์นิยม เติบโต 3%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 1,750 ล้านบาท ขณะที่คาดกำไรสุทธิที่ 268ล้านบาท เติบโต 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ครึ่งปีหลังมีประเด็นบวกจากแผนย้ายเข้าจดทะเบียนซื้อขายใน SET โดยใช้เกณฑ์ Profit Test สำหรับราคาหุ้นของ JKN ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2563เพียง 11.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ที่ 25x ประเมินมูลค่าพื้นฐาน JKN ที่ 6.20 บาท แนะนำ “ซื้อ”

รุกสยายปีกต่างแดน

ด้านคุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรุกขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และละครไทยจากช่อง 3 อย่างต่อเนื่อง

โดยมีเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็น 50% ของรายได้รวมทั้งหมด จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 32% และก้าวสู่การเป็นบริษัท Global Company ซึ่งล่าสุดขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาได้เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่จำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในตลาดอาเซียนแล้วกว่า 100 เรื่อง ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ประเทศในกลุ่ม CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม รวมถึงอินโดนีเซีย เกาหลีและไต้หวัน เพื่อนำไปออกอากาศผ่านโทรทัศน์ ช่องทีวีดิจิทัล และรับชมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTT

คุณบรรพต ชวาลกร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน JKN กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 เรื่อง Love Destiny หรือ บุพเพสันนิวาส ให้แก่บริษัท ‘มีเดีย คอร์ป’ สื่อทีวีดิจิทัลยักษ์ใหญ่ของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ละครไทยได้ถูกนำไปออกฉายให้แก่ผู้ชมชาวสิงคโปร์ผ่านโทรทัศน์ ช่อง U และ meWATCH จึงนับว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของ JKN ในการขยายตลาดละครไทยออกไปสู่ทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

พร้อมกันนี้ JKN ยังประสบความสำเร็จในการปิดการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครจากช่อง 3 กับ ‘ติ่มซำ’ ซึ่งเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ที่มี แพลตฟอร์ม OTT ทั้งในประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงค์โปร์ และประเทศบรูไน