ปล่อยของหุ้นกลาง หุ้นเล็ก หลังหุ้นใหญ่พัก

ภาพรวมของตลาดที่ดัชนียืนเหนือ 1300 จุดได้ค่อนข้างดูดี แม้การปรับตัวขึ้นมาจะไม่ได้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะกับผลประกอบการไตรมาส 1 ที่กำไรหดตัวถึง 60% จากช่วงเดียวกันปีก่อน อีกทั้งแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสงครามการค้าที่อาจจะปะทุขึ้น ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

เรียกได้ว่าหลังจากนี้คงต้องลุ้นกันอีกระลอก หากผ่านไตรมาส 2 ไปได้ โดยสถานการณ์การระบาดไม่กลับมารุนแรง หลังหลายประเทศคลายล๊อกดาวน์ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนว่าจะมียารักษาหรือวัคซีนป้องกันได้เมื่อไหร่ แต่ขณะนี้ก็ถือว่ามีพัฒนาการเรื่องนี้คืบหน้าได้เร็วกว่าที่คาด ส่วนเรื่องสงครามการค้าระลอกใหม่ เชื่อว่าในที่สุดก็จะเป็นเพียงวาทกรรม เพื่อประโยชน์ในเกมการเมืองมากกว่า การเจรจายังคงดำเนินต่อไปได้

ช่วงนี้ ดูเหมือนตลาดจะเลือกเล่นหุ้นขนาดกลางมากเป็นพิเศษ หุ้นตัวใหญ่ดูจะเงียบๆไป ประกอบกับแรงขายต่างชาติที่ไม่ได้ขายออกมาหนักเหมือนก่อนหน้า แต่ก็ยังขายเกือบ 5 เดือนขายไปจะ 2 แสนล้านบาทแล้ว เป็นอีกปีที่ต่างชาติขายหุ้นไทยหนัก เมื่อต่างชาติขายน้อยลง จึงเป็นจังหวะดีที่กองทุนจะฉวยโอกาสดันหุ้นกลุ่มขนาดกลางขึ้นมาเล่นนำตลาดโดยไม่ต้องกังวลแรงขายจากต่างชาติ

กลุ่มโรงแรมเริ่มมีปัจจัยบวก หลังมีการคลายล็อกดาวน์ให้กลับมาเปิดกิจการกันได้ รวมถึงข่าวที่ ททท.เสนอรัฐบาลแจกคูปองส่วนลดที่พัก 40-50% เนื่องจากการช่วยเหลือของภาครัฐจะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวในประเทศมีการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยหุ้นกลุ่มนี้ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ MINT CENTEL ERW

กลุ่มนิคมฯ อีกกลุ่มที่หยิบมาเล่นกัน ทั้ง WHA กับ AMATA ที่มีการยกประเด็นเดิมๆก่อนหน้า ถึงเรื่องการได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐกับจีน จะทำให้มีการย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย ที่ได้ประโยชน์ทางภูมิศาสตร์ และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะพื้นที่ใน EEC ส่งผลให้ยอดขายที่ดินในนิคมฯของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นส่งผลบวกต่อผลการดำเนินในปีนี้ ประกอบกับช่วงนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งจึงเป็นตัวเร่งให้หุ้นกลุ่มนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นประเด็นเก่าที่เล่นกันมาโดยตลอด อาจจะยืนระยะได้ไม่นาน อีกทั้งคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามในเรื่องการลงทุนนิคมฯ ก็มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนจากคาดหวังการพิจารณาผ่อนคลายล็อกดาวน์ในเฟส 3 และ 4 ตามลำดับ รวมทั้งประเด็นปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวภายในเดือน มิ.ย.นี้  ความเชื่อมั่นนักลงทุนที่กล้าเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่มีปัจจัย ข่าวสารเข้ามาเชิงบวก โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็ก สะท้อนได้จากการที่มีหุ้นที่ราคาพุ่งชนซิลลิ่งหลายตัว บางตัวซิลลิ่งติดกันหลายวันด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่ดูเงียบไปช่วงนี้จะไม่น่าสนใจ ส่วนตัวกลับมองว่าต้องจับตาใกล้ชิด เนื่องจากราคาที่ขึ้นมาก่อนหน้ามีการพักฐาน สร้างมูลค่าที่เหมาะสม จึงเป็นโอกาสที่ดีจะเลือกหาหุ้นที่พื้นฐานดีๆ ที่ราคาเริ่มนิ่งไม่ร้อนแรง หวือหวา หรือลดความผันผวนลง จะเข้าไปทยอยสะสมเข้าพอร์ตไว้บ้าง เชื่อว่าในที่สุด การขับเคลื่อนของตลาดหุ้นในภาพรวมต้องอาศัยหุ้นขนาดใหญ่เป็นกำลังสำคัญครับ

สรุปว่า ดัชนีสามารถยืนได้เหนือ 1300 จุดสร้างบรรยากาศที่ดีในภาพรวม เปิดโอกาสให้หุ้นขนาดใหญ่พักฐานบ้าง ปล่อยให้หุ้นขนาดกลาง และเล็กได้ออกมาวาดลวดลายกันบ้าง หลังอยู่ภายใต้ร่มเงาของหุ้นใหญ่มานาน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยน่าจะคึกคักกันเป็นพิเศษ โชคดีครับ