สินเชื่อแบงก์เม.ย.โต4.9% โบรกชูSCB-TMBเด่นเข้าตา

ทันหุ้น –สู้โควิด –โบรกสแกนกลุ่มแบงก์สินเชื่อรวมเดือนเมษายนโต 4.9% หนุนด้วยสินเชื่อธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ในช่วงที่ตลาดตราสารหนี้มีปัญหา คาดผลดำเนินงานอ่อนลงในไตรมาส 2/2563 แต่จะฟื้นตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/2563 ชู SCB-TMB เด่นเข้าตา

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า จากการสรุปข้อมูลในรายงานธนาคารพาณิชย์ เดือนเมษายน2563 พบว่าในภาพรวมของกลุ่มมีอัตราโตของพอร์ตสินเชื่อ +4.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, +1.8% จากเดือนก่อนหน้า จาก 3 ปัจจัยคือ 1.ความต้องการใช้สินเชื่อเสริมสภาพคล่องของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้น หลังสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้ลดลง ทำให้บริษัทเอกชนบางส่วนหันมาใช้แหล่งทุนจากการกู้สินเชื่อจากแบงก์มากขึ้น

2.การชะลอตัวของยอดไถ่ถอนสินเชื่อ เนื่องจากแบงก์เริ่มเปิดให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19 สามารถขอเข้าโครงการพักชำระหนี้ชั่วคราว ทำให้ไม่เกิดการไถ่ถอนสินเชื่อเหมือนปกติ และ3.ผลของการปรับใช้ TFRS9 ปีแรก ทำให้แบงก์ต้องรวมบางรายการเข้ามาในรายการลูกหนี้สุทธิด้วย เช่น เงินลงทุนในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ของ KKP

นอกจากนี้พบว่าสินเชื่อแบงก์ใหญ่ (BBL, KTB, KBANK และ SCB) ขยายตัว +6.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน, 2.5% จากเดือนก่อนหน้าโดดเด่นกว่าแบงก์ขนาดกลาง (TMB, TISCO และ KKP) ที่มีอัตราโตทรงตัวทั้งจากเดือนก่อน และจากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลจากพอร์ตสินเชื่อของแบงก์ขนาดกลางส่วนใหญ่มีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือหนึ่งและมือสองเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ทำให้ได้รับผลกระทบจากความต้องการซื้อรถยนต์ที่ลดลงไปมากในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว จากผลกระทบของ COVID-19

*ผลงานฟื้นตัวดีขึ้นใน Q3/63

ขณะที่คาดแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มในช่วงไตรมาส 2/2563 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนโดยแม้คาดค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองจะไม่สูงเท่ากับช่วงไตรมาส 1/2563 ซึ่งเริ่มใช้มาตรฐานบัญชีใหม่และเห็นการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงของลูกหนี้หลายกลุ่มเพิ่มขึ้นมากเป็นครั้งแรก (TFRS9 คำนวณการตั้งสำรองในแบบ Forward Looking) หากในช่วงไตรมาส 2/2563 กิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่ได้แย่ลงจากเดิมมากอย่างมีนัยยะสำคัญ แบงก์จะมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองน้อยลง

ส่วน NPL คาดทรงตัวที่ระดับใกล้เคียงเดิมเนื่องจากอยู่ในช่วงที่ ธปท. ออกมาตรการผ่อนปรนการจัดชั้นของลูกหนี้ และมีการดำเนินโครงการพักชำระหนี้ในกับลูกหนี้ที่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง ทำให้คาดลูกหนี้ที่มีปัญหาจะยังไม่เกิดการไหลตกชั้นเป็นหนี้เสียในปีนี้ อย่างไรก็ดีปัจจัยกดดันหลักๆ จะมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง โดยเฉพาะในส่วนของค่าธรรมเนียมในการขายผลิตภัณฑ์ Bancassurance และค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเครดิต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองในเดือนเมษายน-พฤษภาคม

และ NIM ที่คาดอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน หลัง Asset Yield เริ่มขยับลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงกว่า 4 ครั้งตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ทั้งนี้ยังคงประมาณการณ์กำไรสุทธิของกลุ่มในปี 2563 ที่ 151,620 ล้านบาท หดตัว 3.5% จากปีก่อนตามเดิม โดยคาดหวังการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2563 เป็นต้นไป สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษบกิจที่เริ่มกลับมาหลังทยอยเปิดเมืองตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม

*ชู TMB-SCB เด่น

โดยแม้กำไรของกลุ่มไม่โดดเด่น เนื่องจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2563, รายได้ค่าธรรมเนียมที่หดตัว และรับรู้ผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ด้วยราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับลงมานานจน SETBANK ซื้อขายที่ระดับ PBV 0.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในช่วง 5 ปี - 2S.D. อีกทั้งคาดเป็นกลุ่มที่ยังสามารถจ่ายปันผลได้ในระดับที่โดดเด่นราว 4-10% จึงคงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มที่ "เท่ากับตลาด"

อย่างไรก็ตาม เลือก TMB (เป้าหมาย 1.14 บาท) เป็น Top Pick ของกลุ่ม จากคาดมีกำไรโตเด่นสุดในกลุ่ม หลังรวมงบของ TBANK เข้ามาเต็มปีเป็นครั้งแรก ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV ต่ำเพียง 0.5 เท่า ส่วนแบงก์ใหญ่แนะนำ SCB (เป้าหมาย150 บาท) เนื่องจากเป็นหนึ่งในแบงก์ที่ได้อานิสงค์จากความต้องการสินเชื่อเสริมสภาพคล่องของภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีรายได้ Non-NII กว่า 80% เป็น Recurring Income จากธุรกิจ Bancassurance และธุรกิจ Wealth Management ทำให้มี Downside ของประมาณการกำไรในปีนี้น้อยกว่าแบงก์ใหญ่อื่น

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1