> SET > BANPU

26 พฤษภาคม 2020 เวลา 08:00 น.

BANPUพ้นจุดต่ำสุด ก๊าซ-ถ่านหินใกล้ฟื้น

ทันหุ้น - BANPU มองราคาถ่านหินไตรมาส 2/2563 พ้นจุดต่ำสุด ขณะที่ราคาขายก๊าซธรรมชาติครึ่งหลังปี 2563 มองเป็นขาขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบร่วงทำซัพพลายทยอยปิดแหล่งก๊าซ รับเลื่อนลงทุนแหล่งแก๊สในสหรัฐฯ-เวียดนามเหตุจากการระบาดไวรัสโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจพลังงานเดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพ ความต้องการใช้ขยายตัว


นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทประเมินว่าราคาถ่านหินในปัจจุบันได้พ้นจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาราคาถ่านหินปรับตัวลดลงมามากพอสมควรทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มทยอยลดกำลังผลิตลง ดังนั้นซัพพลายที่ป้อนเข้าสู่ตลาดจากนี้จะมีความสมดุลต่อความต้องการมากขึ้น เบื้องต้นบริษัทประเมินราคาถ่านหินในระยะกลางอยู่ที่ 50 - 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากปัจจุบันที่ราคาถ่านหินอยู่ที่ระดับ 53 เหรียญสหรัฐต่อตัน


*ครึ่งหลังถ่านหิน-ก๊าซฟื้น


โดยในระยะยาวบริษัทประเมินวาราคาขายถ่านหินจะเป็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับราคา 70 - 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน และเชื่อว่าราคาถ่านหินอาจยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปแตะที่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อตันได้เหมือนเช่นในอดีตเพราะมีหลายปัจจัยเข้ามามีส่วนกดดัน อย่างไรก็ดี บริษัทประเมินภาพรวมราคาถ่านหินในช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้เชื้อเพลิงเพื่อผลิตเป็นพลังงานยังคงมีอยู่


ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงไตรมาส 2/2563 มองว่าอาจยังมีผลกดดันต่อผลการดำเนินงานรวมของบริษัท เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายในตลาดยังคงมีปริมาณที่มากกว่าดีมานด์ ทำให้ราคาของก๊าซธรรมชาติอ้างอิงราคา Henry Hub อยู่ที่ระดับ 1.7 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติในช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะฟื้นตัวดีขึ้นได้ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ผลิตก๊าซที่สหรัฐทยอยลดกำลังการผลิต เพราะทั่วโลกมีความต้องการที่ลดลง ประกอบกับแหล่งผู้ผลิตน้ำมันเช่น เชลออยล์ ในสหรัฐได้ปิดหลุมการผลิตน้ำมันเนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ


ส่งผลให้หลุมก๊าซธรรมชาติที่เป็นผลผลิตพลอยได้จากน้ำมันลดลงตามไปด้วย จึงทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการผลิตและความต้องการที่ดีมากขึ้น ทั้งนี้ จากปัจจัยข้างต้นที่กล่าวมาทำให้บริษัทคาดการณ์ว่าราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าในช่วงปลายปี 2563 และต้นปี 2564 จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู สะท้อนต่อทิศทางผลการดำเนินงานของบริษัทที่จะปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน


ขณะที่การลงทุนแหล่งก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และเวียดนาม เบื้องต้นมีความจำเป็นที่จะต้องชะลอแผนลงไปก่อน เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด-19


**ชูพลังงานทดแทนเป็นพระเอก


สำหรับธุรกิจพลังงานนั้น ยังคงเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะในตอนนี้การเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ยังคงมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ทำได้เกือบเต็มประสิทธิภาพในทุกโครงการ ทั้งโครงการ BLCP และโครงการหงสา ที่รักษาระดับได้ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการ CHP ที่เติบโตเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้งานทั้งพลังงานความร้อนและไอน้ำ ดังนั้นจึงทำให้บริษัทยังมีการรับรู้รายได้เข้ามาจากส่วนนี้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี ธุรกิจพลังงานทดแทนนั้น ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 มองว่าจะเติบโตค่อนข้างโดดเด่นจากครึ่งปีแรก


ปัจจัยสนับสนุนจากแผนการเตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมกำลังผลิตกว่า 453 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยามากาตะ ในญี่ปุ่น ขนาด 20เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 3/2563, โครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง ในสาธารณรัฐจีน ขนาดกำลังผลิตตามสัดส่วนลงทุน 396 เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 4/2563,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมซอกจาง ในเวียดนาม เฟสที่ 1 ขนาด 30 เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 4/2563และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ ในญี่ปุ่น ขนาด 7เมกะวัตต์ คาด COD ไตรมาส 4/2563 เป็นต้น ส่งผลให้ภายในสิ้นปี 2563บริษัทจะมีกำลังผลิตเพิ่มเป็นกว่า 2,901 เมกะวัตต์

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X