ใน1-2สัปดาห์ที่ผ่านมาประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนกับมาตรึงเครียดอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่การที่ Trump ลงนาม(International Emergency Economic Powers Act) ขยายเวลาการกีดกันนำเข้าสินค้าเทนโนโลยีจาก Huawei และ ZTE อีก 1 ปี , สั่งห้ามกองทุนบำเหน็จสหรัฐลงทุนในบริษัทจีน และล่าสุดสภาสูงผ่านร่างกฎหมายเปิดทางให้ถอดถอนการจดทะเบียนของบริษัทสัญชาติจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐโดยอ้างเกี่ยวกับมาตรฐานการตรวจสอบบัญชี ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนการเผยรายละเอียดข้อตกลงการค้าที่ Trump เตรียมแถลง เบื้องต้นเราแบ่งเป็น 3กรณีดังนี้ 1) Trump ขู่จะขึ้นภาษี (ยังไม่ขึ้นจริง) หากจีนไม่ยังสามารถเพิ่มประมาณการนำเข้าสินค้าในช่วง 2Q20 เมื่อเทียบกับ 1Q20 (ในเชิง QoQ%) จากสหรัฐได้ตามที่ตกลงทั้งหมดวงเงิน 2.0แสนล้านเหรียญสหรัฐใน 2ปี (รวมสินค้าเกษตร 4.0หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งปัจจุบันพบว่า 4M20 ยอดนำเข้าสินค้าลดลงประมาณ 6% YoY ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก COVID-19 คาด SET ปรับตัวลงแต่ downside จำกัดที่บริเวณ 1,200จุด +/- แนะมองเป็นโอกาสทยอยสะสมกลุ่ม Domestic play และ Defensive นำโดย CPALL, BEM, EGCO, ADVANC และในกรณี 2) สหรัฐประกาศยกเลิกข้อตกลงการค้า Phase1 มีผลทันที และประกาศขึ้นภาษี 15% บนวงเงิน 1.6แสนล้านเหรียญสหรัฐ คาดตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับแรงขายอย่างมีนัยยะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความขัดแข้งระหว่างสองขั้วอำนาจโลกอย่างชัดเจน และจีนพร้อมตอบโต้ทางด้านภาษีเช่นกัน คาด SET ปรับตัวลงในกรอบ 1,140จุด +/- แนะเลี่ยงกลุ่ม Global play (พลังงาน, ปิโตรเคมี และ อิเล็กทรอนิกส์) และกรณี 3) ด้วยขีดจำกัดและตัวช่วยทางเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มจำกัดเมื่อเทียบกับการเริ่มต้นสงครามการค้าช่วงก่อนเกิด COVID ทำให้สหรัฐไม่มีทางเลือก ทำให้ Trump อาจยอมถอยพร้อมกลับลำเจรจาการค้า Phase 2 คาดเปิด Upside (%) ตลาดหุ้น ประเมิน SET ขึ้นไปซื้อขายกรอบ 1,320-1,360จุด ขึ้นอยู่กับวงเงินและรายละเอียดสินค้าที่ยกเลิก เบื้องต้นเราให้น้ำหนักกรณี 1

มุมมองตลาดหุ้น เรายังคงแนะนำรอดูทิศทางผลประกอบการ 1Q20,แนวโน้มผลประกอบการ 2Q20, รายงานตัวเลขเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ และประเด็นของ สหรัฐและจีน ในระดับปัจจุบัน SET ขึ้นมาซื้อขายค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ทำให้เรามองว่ามี Upside ที่จำกัด ฉะนั้นเราไม่แนะนำให้เพิ่มพอร์ตการลงทุนในบริเวณดังกล่าว

กลยุทธ์การลงทุน เรายังแนะนำกลุ่ม ICT(ADVANC) ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก COVID-19 และ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่จากมุมมองของเราที่คาดว่าลดดอกเบี้ย ตาม ธปท. และ หลีกเลี่ยงกลุ่ม Global play ที่อาจได้รับความเสี่ยงจาก ประเด็นของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์หน้า AMATA, RJH, TASCO

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

- วันจันทร์ติดตาม ดัชนีจีดีพีของเยอรมนี (ปีต่อปี) (ไตรมาส 1) ตลาดคาด 0.3%YoY และ ปริมาณการส่งออก/นำเข้าสินค้าของฮ่องกง (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)

-  วันอังคารติดตาม ดัชนีจีดีพีของสิงคโปร์ (ปีต่อปี) (ไตรมาส 1) ตลาดคาด 0.8% YoY, ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของสิงคโปร์ (ปีต่อปี) (เม.ย.) ตลาดคาด -0.3%YoY และ ยอดขายบ้านใหม่ (เดือนต่อเดือน) ของสหรัฐ (เม.ย.) โดยตลาดคาด -17.0%

- วันพุธติดตาม ภาพรวมเศรษฐกิจภาคบริการของเท็กซัส สหรัฐ ( พ.ค.) และ รายได้ภาคบริการจากธนาคารกลางของดัลลาส สหรัฐ( พ.ค.)

- วันพฤหัสติดตาม ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1) ของสหรัฐ ตลาดคาด -4.8% QoQ , ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (เดือนต่อเดือน)

 (เม.ย.) ของสหรัฐ ตลาดคาด -9.2% MoM และ ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)ของสหรัฐ ตลาดคาด –10% MoM

-  วันศุกร์ติดตาม อัตราการว่างงาน (เม.ย.)ของญี่ปุ่น ตลาดคาด 2.5 % และ ดัชนีจีดีพี (GDP) ของฝรั่งเศส (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1) ตลาดคาด -0.1% QoQ