> Trendtalk > IRPC

22 พฤษภาคม 2020 เวลา 06:20 น.

IRPC

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่ 1320 จุดขึ้นไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1340-1350 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1300 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้น

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ IRPC หรือ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจ 1) ธุรกิจปิโตรเลียม โดยมีโรงกลั่นน้ำมันอยู่ที่ จ. ระยอง เพื่อผลิตและจำหน่าย น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน และน้ำมันเตา เป็นต้น 2) ธุรกิจปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่นๆ 3) ธุรกิจท่าเรือและถังเก็บผลิตภัณฑ์ ให้บริการท่าเทียบเรือเพื่อขนถ่ายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ 4) ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สิน เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินในส่วนที่เป็นที่ดินเปล่า


ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2563 มีรายได้รวม 48,959 ล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.44 บาท พลิกเป็นขาดทุนสุทธิเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีรายได้รวม 60,198 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 153 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.01 บาท

น.ส.กัญญามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทปรับแผนเพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยกลยุทธ์การดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัท ได้วางแผนงานเอาไว้ 3 ด้าน ประกอบด้วย


1. Maintain Market Position หรือการปรับกลยุทธ์การตลาด ทั้งในฝั่งของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมี ที่ยังได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก โดยจะพยายามรักษาระดับให้ปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาด เช่น ปรับลดการผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน ที่ได้รับผลกระทบ 100% และเพิ่มการผลิตในส่วนของน้ำมันดีเซล เพื่อลดผลกระทบจากความต้องการใช้ให้ลดลงเหลือ 10% จากเดิม 30% รวมถึงเน้นขายในประเทศเป็นหลัก และขายในประเทศที่มีการปลดล็อกดาวน์แล้ว ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทั้งในกลุ่มโอเลฟินส์ กลุ่มอะโรเมติกส์และสไตรีนิคส์ ก็มีการปรับแผนการขายให้เข้ากับสถานการณ์เช่นกัน


2. การปรับลดงบลงทุน โดยบริษัทได้ปรับลดงบลงทุนภายใน 5 ปี (63-67) ลงเหลือ 28,055 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ที่ 53,953 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนในโครงการต่าง ๆ ลดลงเหลือ 15,009 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ที่ 41,598 ล้านบาท โดยได้ชะลอการลงทุนโครงการผลิตอะโรเมติกส์ หรือโครงการ MARS ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ยังคงการลงทุนในโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) ไว้ เพื่อรองรับการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5, การปรับปรุงโครงการต่างๆ (General Capax) ลดลงเหลือ 10,870 ล้านบาท จากเดิมวางไว้ที่ 12,355 ล้านบาท และเพิ่มการลงทุนในโครงการ Strengthen IRPC จำนวน 2,176 ล้านบาท


สำหรับงบลงทุนปีนี้วางไว้ที่ 4,780 ล้านบาท ลดลงจากเดิมที่วางไว้ที่ 6,962 ล้านบาท โดยจะใช้ในโครงการต่าง ๆ จำนวน 2,159 ล้านบาท และการปรับปรุงโครงการ จำนวน 2,367 ล้านบาท และโครงการ Strengthen IRPC ที่ 254 ล้านบาท


3. การเพิ่มการลงทุนในโครงการ Strengthen IRPC เพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตในช่วง 4 ปี (63-66) ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้ามีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท และปีนี้อยู่ที่ 1,904 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการดำเนินงานในโครงการ E4E, โครงการ IRPC 4.0 โดยใช้ดิจิทัลเข้ามาช่วยทำงาน และโครงการ Breakthrough โดยให้พนักงงานเสนอโปรเจ็คที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร ซึ่งปัจจุบันก็มีอยู่หลายโปรเจ็ค เช่น โครงการลดการสำรองน้ำมันดิบ (Crude&Product Inventory) ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าลดการสำรองน้ำมันดิบเพื่อลดต้นทุนของบริษัทฯ รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในด้านการกักตุนวัตถุดิบ (Spare Part Management) โดยตั้งเป้าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปี (63-65)


ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 น่าจะยังมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน (Stock loss) อยู่บ้าง จากไตรมาส 1/63 มีผลขาดทุนจากการสต็อกน้ำมันอยู่ที่ 8,905 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จับมือกับชาติพันธมิตร ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ทำให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของ IRPC


IRPC มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 2.67 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 3.20 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 1.95บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านของเส้นแนวโน้มขาลงที่ 3.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 3.20 ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และมีแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะยาวที่ 3.50 เป็นเป้าหมายของการฟื้นตัวในระยะยาว ก่อนที่จะปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 3.20 เพื่อสร้างฐาน แต่ถ้าราคาหุ้นถูกขายที่แนวต้าน 3.00 จะมีแนวรับที่ 2.70 และ 2.50 เป็นแนวรับสำคัญ


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X