> SET >

21 พฤษภาคม 2020 เวลา 09:00 น.

PTTหวังครึ่งหลังกำไรแกร่ง แจกเงินปันผลยังดีที่5.6%


ทันหุ้น-สู้โควิด-PTT มีแผนออกหุ้นกู้ใช้คืนหนี้ 2.6 หมื่นล้านบาท คงนโยบายD/E ไม่เกิน 1 เท่า ภาพรวมธุรกิจปีนี้เน้นการบริหารต้นทุน ลดแผนลงทุน 10-15% ประเมินราคาน้ำมันในกรอบ 30-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนค่าการกลั่นของกลุ่มปตท.ที่ 3-4 ดอลลาร์ เดินหน้าสร้างLNG Terminal 2 คาดแล้วเสร็จปี 2565 ฟากโบรกมองราคาหุ้นได้สะท้อนกำไรที่อ่อนแอ คาดว่ากำไรหลักจะแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งปีหลัง จากดีมานด์ที่ฟื้นตัว เงินปันผลยังดีที่ 5.6% กระแสเงินสดในมือจำนวนมาก เป้าหมายพื้นฐาน 44.00 บาท


นางพรรณพร ศาสนนันทน์ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจยังเดินหน้าต่อเนื่องอย่างธุรกิจน้ำมัน ผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศที่ลดลงส่งผลต่อปริมาณการจำหน่ายของทั้งธุรกิจน้้ามันและ ธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะแปรผันตาม จีดีพี หาก จีดีพี ของไทยได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลักจะส่งผลโดยตรงต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปทั้ง น้ำมันอากาศยาน นำมันดีเซล และน้ำมันเบนซิน และหากจีดีพีติดลบก็จะมีโอกาสที่ธุรกิจน้ำมันจะติดลบด้วย


อย่างไรดีปีนี้มองว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกมองว่าความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้จะลดลงกว่า 9ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ขณะที่ค่าการกลั่นสิงคโปร์มองว่าปีนี้จะจะอยู่ในระดับ 2-3.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลส่วนค่าการกลั่นของกลุ่มปตท.จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 3-4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล


*เดินหน้าโครงการคลังLNG

ส่วนปิโตรเคมี ราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของโอเลฟินส์ และอะโรเมติกส์ยังคงถูกกดดันจากผลกระทบโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยของผู้บริโภค อาทิ รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอ เป็นต้น นอกจากนี้ปริมาณสินค้าคงคลังที่สูงมีแนวโน้มจะกดดันราคาต่อไปอีกระยะหนึ่ง อุปทานยังคงล้นตลาดจากกำลังการผลิตใหม่ จึงทำให้ยังมีผลกดดันราคาขายอย่างต่อเนื่อง


ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการ LNG Receiving Terminal 2 ขนาดกำลังการผลิต 7.5 ล้านตัน ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2565เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่บริษัทมีคลัง LNG แห่งที่ 1 แล้ว ขนาดกำลังการผลิต 11.5 ล้านตัน  อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะก่อสร้างคลัง LNG แห่งที่ 3ในพื้นที่ของโครงการมาบตาพุดเฟส 3  ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการถมทะเล แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุขนาดปริมาณของคลังได้ โดยจะต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของประเทศในช่วงขณะนั้น


ส่วนความการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือOR  ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(สำนักงาน ก.ล.ต.)เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2563โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายสถานีให้บริการน้ำมันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ


ส่วนแผนการเงินนั้นบริษัทได้มีการตัดลดงบประมาณการลงทุน และงบดำเนินการลงทุน 10-15% เพื่อให้ไม่กระทบต่อภาพรวมธุรกิจหลัก ซึ่งถือเป็นการช่วยจัดการค่าใช้จ่ายภายใน แต่ปีนี้บริษัทก็มีแผนจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ เพื่อนำเงินไปรีไฟแนนซ์ชำระคืนวงเงินกู้ที่จะครอบกำหนดต้องชำระในปีนี้วงเงินประมาณ 26,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามจะต้องดูภาวะปัจจัยของตลาดและความต้องการ ประกอบกับสถานการณ์ของอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้บริษัทยังคงนโยบายที่จะทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่เกิน 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.3 เท่า


*กำไรครึ่งปีหลังแข็งแกร่ง

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุถึง PTT ว่า กำไรหลักไตรมาส 2/2563 มีแนวโน้มลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กดดันโดยกำไรที่ลดลงจากธุรกิจก๊าซของ PTT (อัตรากำไรของธุรกิจก๊าซลดลง), PTTEP (การรับรู้รายขายเฉลี่ยลดลง) และ PTTGC (ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีลดลง) อย่างไรก็ตามกำไรจากธุรกิจก๊าซที่เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า และผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มบริษัทย่อยในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีคาดว่าจะช่วยบรรเทาการปรับตัวลดลงกำไรหลักได้ในระดับหนึ่ง ฝ่ายวิจัยประเมินว่าในปี 2563 กำไรหลักอยู่ที่ 70,617 ล้านบาท มองไปในอนาคต กำไรหลักคาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2563 หนุนโดยการฟื้นตัวของอุปสงค์และอัตรากำไรหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X