CHGผลงานครึ่งปีแรกสดใส มั่นใจตัวเลขรายได้โต2หลัก

 ทันหุ้น-สู้โควิด: CHG ครึ่งปีแรกยังมีการขยายตัวที่ดี หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มเบาบาง เชื่อการรักษาสุขภาพเป็นเรื่องจำเป็น พร้อมปูพรมรับรายได้ประกันสังคมเต็มสูบ คงเป้าปีนี้เติบโต 2 หลัก ด้านโบรกมองผลงานโค้ง 2/2563 รับแรงกดดันจากโควิด-19 แต่ยังมองบวกเชื่อผลงานปี 2563 โดดเด่นยืนเหนือกลุ่ม แนะ"ซื้อ" เคาะเป้า 2.90 บาท

ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 เชื่อว่าจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากในปีนี้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากโครงการประกันสังคมที่มีการปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาลรายหัวลูกค้าประกันสังคมเข้ามาเพิ่มมากขึ้น รวมถึงรายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ ที่มีการปรับอัตราการจ่ายเงินของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

*คงเป้ารายได้โต2หลัก

นอกจากนี้ จากการเปิดให้บริการเฟสใหม่ของโรงพยาบาล 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา (RPC) และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ เฟส 2 จังหวัดปราจีนบุรี ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันมีผลขาดทุนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มองว่ากลางปี 2563 นี้โรงพยาบาลใหม่ทั้ง 2 แห่ง จะสามารถถึงจุดคุ้มทุน (Break even) ได้ตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ดี ปฎิเสธไม่ได้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะมีผลกดดันผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2563 อยู่บ้าง

แต่ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มเบาบางลงผู้ติดเชื้อรายใหม่มีปริมาณที่ลดลง ทำให้ยอดผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 เริ่มปรับตัวดีขึ้นกว่าเดือนเมษายน เพราะผู้ป่วยหลายรายที่มีการเลื่อนกำหนดการรักษาทยอยกลับมารักษาสุขภาพแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่ต้องให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้หากว่าจากนี้ไปสถานการณ์คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นบริษัทก็เชื่อว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะมีทิศทางการเติบโตที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นในตอนนี้บริษัทจึงยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ไม่น้อยกว่าตัวเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,190.87 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,321.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7% เมื่อเทียบไตรมาส 1/2562 ที่ 1,232.0 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป เพิ่มขึ้น 7% ประกอบไปด้วยรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) ที่เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท และรายได้ผู้ป่วยใน (IPD) ที่เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท และการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงพยาบาลแห่งใหม่ทั้ง 2 แห่ง ขณะเดียวกันรายได้โครงการประกันสังคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากรายได้เหมาหัวที่มีการปรับอัตราค่าเหมาหัวเพิ่มขึ้น

ขณะที่รายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ ในไตรมาส 1/2563 เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 เนื่องจากการปรับอัตราการจ่ายเงินของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทั้งนี้ บริษัทกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 186 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาท คิดเป็น 4% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 29.31% ปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ 30.53% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14% ปรับตัวลดลงจากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนที่ 15%

**ผลงานเด่นเกินกลุ่ม

บริษัท หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากการที่ CHG รายงานกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 1/2563 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนในโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และ โรงพยาบาลรวมแพทย์ลดลง สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2/2563 คาดการณ์ว่าจะถูกกดดันจากผลของการระบาดของไวรัสโควิด-19 และจะเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรทั้งปี 2563 ของทางฝ่าย อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายยังมีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทที่ยังมีผลประกอบการที่ดีกว่ากลุ่มในปี 2563 นี้ จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 2.90 บาท