ทันหุ้น –สู้โควิด –SPALI เผยยอดจองแนวราบยังเติบโตดี ลูกค้าแห่เดินทางจองโครงการล้นทั้งสำนักงานขายและจองผ่านออนไลน์ พร้อมตุน Backlog กว่า 3.9 หมื่นล้านบาท คาดปีนี้รับรู้ไม่ต่ำกว่า 9-9.5 พันล้านบาท ย้ำคงเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับเป้ารายได้-ยอดขายปีนี้ใหม่

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 2/2563 มองว่าโครงการแนวราบมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 และในเดือนพฤษภาคมยอดจองกลับมาเติบโตได้ใกล้เคียงปกติแล้ว สะท้อนถึงว่าความต้องการที่พักอาศัยยังคงมีอยู่ เพียงแต่ลูกค้าอาจต้องการรอดูว่าเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมอาจต้องใช้ระยะเวลากว่าจะฟื้นตัว เพราะก่อนหน้านี้มีปัญหาเองของซัพพลายล้นตลาด

โดยแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2563 ล่าสุดบริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการแนวราบ 1 โครงการ คือ ศุภาลัย พาร์ควิลล์ รังสิต คลอง 4 มูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท (จะเริ่มพรีเซลล์ อย่างเป็นทางการ 23-24 พ.ค.นี้) ทั้งนี้ โครงการอื่นๆ ยังได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ค่อนข้างดี โดยมีทั้งลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง ณ สำนักงานขาย รวมถึงการจองโครงการผ่านช่องทาง Supalia Online Booking ทำให้เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนยอดขายให้ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีในไตรมาส 2/2563 บริษัทยังไม่มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม

*คงเป้าเปิด 30 โครงการ

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายการเปิดโครงการใหม่ทั้งปี 2563 ไว้ที่ 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ (เป็นแนวราบในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 13 โครงการ และเป็นโครงการแนวราบต่างจังหวัด 12 โครงการ) และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ดีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมนั้นในช่วงไตรมาส 1/2563 ได้เป็นไปแล้ว 1 โครงการ เหลืออีก 4 โครงการ อาจจะมีการพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้งหนึ่งในช่วงครึ่งหลังปี 2563

พร้อมกันนี้ ปัจจุบันบริษัทยังคงมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 39,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทยอยโอนเข้ามาเป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ประมาณ 9,000 - 9,500 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในมือมูลค่าอีกกว่าหมื่นล้านบาท ทำให้เชื่อว่าจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตให้กับรายได้ในปีนี้ได้

*เล็งปรับเป้าปีนี้ใหม่

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนการปรับเป้าหมายรายได้ใหม่ จากเดิมวางไว้ที่ 24,000 ล้านบาท และยอดขาย 26,000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และยังคงต้องจับตารอดูต่อไปว่าสถานการณ์สามารถคลี่คลายได้เร็วแค่ไหน และที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีลกระทบต่อยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 มากน้อยแค่ไหน

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มองว่าจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา มีผลกดดันให้กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียมในตลาดหดตัวลงมากกว่า 50% ในขณะที่โครงการแนวราบหดตัวลงประมาณ 20-30% ซึ่งสาเหตุหลักที่ลูกค้าชะลอการซื้อที่พักอาศัยนั้น อาจเพราะต้องการรอดูสถานการณ์และรอให้เศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุดไปเสียก่อน แต่เชื่อว่าจากสถานการณ์ที่เริ่มคลี่คลายลงได้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่ต้องการที่พักอาศัยมากขึ้นโดยเฉพาะโครงการแนวราบ