ทันหุ้น –สู้โควิด - BM อวดกำไรโค้งแรกร้อนแรง 339.30% แตะ 11.29 ล้านบาท ส่งซิกไตรมาส 2/63 โตต่อเนื่อง ปักธงเป้ารายได้ปีนี้พุ่งขึ้น 30-40% จากทุกกลุ่มธุรกิจ แย้มส่งสินค้าลูกค้าอเมริกาได้ตามแผน ตั้งเป้ารับทรัพย์ 150-200 ล้านบาท ลุยผลิตตู้ฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19 คาดลงตลาดเร็วๆ นี้

นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 ของบริษัทมีกำไรสุทธิรวม 11.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น8.72 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต 339.30% โดยมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) เพิ่มขึ้นจาก 1.34% เป็น 5.11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิเป็นผลมาจาก ยอดขายเพิ่มขึ้นและต้นทุนสินค้าที่ขายลดลงเล็กน้อย อีกทั้งบริษัทได้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม คือ บริษัท นิตโต้ โคเกียว บีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีกำไรเท่ากับ 0.38 ล้านบาท และบริษัท เอ็ม อี ซี ที จำกัด กำไรเท่ากับ 5.46 ล้านบาท

Q2 ติดเครื่องวิ่งต่อ

และบริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 220.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 28.42 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 14.77% จากปีก่อนที่ 192.36 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทได้รับงานโครงการงานตู้ MDB โปรเจ็ครถไฟฟ้าสายสีแดง โครงการผลิตอุปกรณ์ชั้นวางสินค้าเพื่อส่งออกต่างประเทศ ส่วนงานรางและท่อร้อยสายไฟลดลงเล็กน้อย

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2563 จะเติบโตดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/63 เพราะราคาวัตถุดิบเหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักไม่ผันผวน และอยู่ระหว่างต่ำที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับปีก่อนราคาเหล็กอยู่ที่ประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม ประกอบกับงานก่อสร้างรถไฟฟ้ายังดำเนินการต่อเนื่อง ทำให้บริษัทยังสามารถส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ตามสัญญา

อย่างไรก็ดีบริษัทจะยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2563 เติบโต 30-40% เช่นเดิม หลังจากผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ประกาศงบออกมาแล้ว ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ และคาดจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

เติบโตทุกกลุ่มธุรกิจ

สำหรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจะมาจากทุกกลุ่มธุรกิจ 7 กลุ่มงาน ประกอบด้วย 1.กลุ่มงานรางและท่อร้อย 2.กลุ่มงานผลิตตู้โลหะ, 3.กลุ่มงานตู้สวิตช์บอร์ด, 4.กลุ่มงานเชื่อมประกอบ, 5.กลุ่มงานกลุ่มเครื่องมือและเครื่องจักรกล, 6.กลุ่มงานผลิตชิ้นส่วนให้กับคูโบต้า และ 7.กลุ่มธุรกิจอื่น ที่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ (B2B)

อีกทั้งบริษัทยังสามารถส่งสินค้ากลุ่มแม่พิมพ์โลหะ ตู้โลหะให้กับลูกค้าอเมริกาได้ตามแผน คาดการขายสินค้าให้กับลูกค้าอเมริกาจะสนับสนุนรายได้รวมของบริษัทให้เป็นไปตามเป้าหมาย เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้ารายได้ขายสินค้าให้กับลูกค้าที่ 150-200 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทจะผลิตและจำหน่ายตู้ฆ่าเชื้อ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบสินค้า คาดจะเห็นความชัดเจน และการนำสินค้าลงตลาดได้ในเร็วๆ นี้ สำหรับกลุ่มลูกค้าคือกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการกำจัดเชื้อก่อนนำสิ่งของเข้าภายในบ้าน ทั้งนี้บริษัทไม่ได้กำหนดเป้าหมายยอดขายจากสินค้าดังกล่าว แต่บริษัทต้องการผลิตสินค้าเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ระบาด