> SET > ACE

18 พฤษภาคม 2020 เวลา 07:30 น.

ห้างเปิดส่องหุ้นฟื้นเร็ว ACEกำไรQ1อู้ฟู่347%

ทันหุ้น – สู้โควิด – ธุรกิจเปิดเพียบ หลังรัฐผ่อนคลายระยะที่ 2 ทั้ง ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ฟิตเนส คลินิกเสริมความงาม นักวิเคราะห์ฟันธงเศรษฐกิจฟื้นไตรมาส 3/2563 ส่องครบกลุ่มฟื้นเร็วช้า ค้าปลีกได้อนิสงส์ก่อน ชู COM7, BJC , ปิโตรฯ ชู TCC, นิคมฯ WHA, AMATA ยังเด่น ด้าน ACE ประกาศกำไรพุ่งกระฉูด 347% ปันผล 0.03 บาท


ความหวังในการกลับมาเดินหน้าเศรษฐกิจเกิดขึ้น สำหรับการประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ตั้งแต่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งการขยายเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00 น. - 04.00 น. การเปิดให้บริการศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านขายปลีก คอมพิวเตอร์, หนังสือ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องนอน, วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์, วัสดุสำนักงาน, เครื่องครัวอุปกรณ์จำเป็นภายในครัวเรือน, เสื้อผ้า, ร้านทอง เครื่องประดับ, ตลอดจนโรงยิม ฟิตเนส สระว่ายน้ำสาธารณะ คลินิกเสริมความงาม สามารถให้บริการได้เฉพาะเกี่ยวกับเรือนร่าง ผิว และเลเซอร์ ยกเว้นบริเวณใบหน้า, และกองถ่ายภาพยนตร์


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมิน แนวโน้มการฟื้นตัวของของธุรกิจหลังปลดล็อกดาวน์ สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มการฟื้นตัว ดังนี้ 1. กลุ่มธุรกิจฟื้นแบบ V-Shape (ภายใน 3 เดือน) ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์ โรงพยาบาล/ คลินิกและยารักษาโรค ฟาร์มไก่ ฟาร์มหมู อาหารสัตว์ ไอทีและสื่อสาร จากลักษณะสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันและส่วนใหญ่พึ่งพิงตลาดในประเทศ 2. กลุ่มธุรกิจฟื้นแบบ U-Shape (ในช่วง 3-6 เดือน) ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม เคมีภัณฑ์ พลังงานเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล การขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางบกและทางเรือ บริการธุรกิจ รับเหมาก่อสร้าง 3. กลุ่มธุรกิจฟื้นแบบ L-Shape (มากกว่า 6 เดือน) ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจการบิน ธุรกิจบันเทิงและการกีฬา ยานยนต์และชิ้นส่วน อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ สินค้าแฟชัน เหล็ก ยางพารา คาดว่ากลุ่มนี้อาจจะฟื้นตัวไม่ทันปีนี้ ก่อนปี 2564 จะกลับมาจ้างงานได้ในระดับใกล้เคียงกับปี 2562


โผหุ้นได้ประโยชน์


นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ระบุ การผ่อนคลายธุรกิจระยะที่ 2ถือเป็น Sentiment  เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งจะกลับมาเปิดสาขาส่วนที่เหลือราว 50% ได้ แนะนำลงทุนกลุ่มได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดสาขาสูง เช่น COM7 ราคาเหมาะสม 23.5 บาท, DOHOME ราคาเหมาะสม 7.9 บาท และกลุ่มศูนย์การค้า เช่น CPN แต่ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ายังต้องให้ส่วนลดค่าเช่าแก่ผู้เช่าต่อเนื่อง จึงยังคงกดดันรายได้ค่าเช่าให้ทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 (2H63) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 66 บาท


พร้อมกันนี้คาดการณ์เศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3/2563 จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของภาครัฐฯ ในระยะที่ 3 – 4 และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุน ซึ่งเมื่อรวมกับเม็ดเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบระยะสั้นผ่านมาตรการเยียวยาผลกระทบช่วงที่ผ่านมา จะช่วยหนุนการฟื้นตัวทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มสื่อสาร หุ้นที่น่าสนใจคือ COM7


ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี มีแนวโน้มฟื้นตัวรับการลงทุนภาครัฐ หุ้นที่น่าสนใจคือ TCCซึ่งได้รับอานิสงส์จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลง ราคาปัจจุบันมีอัพไซด์ถึง 22.5% ปันผลสูงถึง 6.05% ราคาเหมาะสมที่ 2.28 บาท กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม มีแนวโน้มฟื้นตัวตามการลงทุนภาคเอกชนที่จะฟื้นตัวตามการลงทุนภาครัฐ หุ้นแนะนำยังคงเป็น WHA ราคาเหมาะสม 4.89 บาท, และ AMATA ราคาเหมาะสม 35.70 บาท


นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุมาตรการผ่อนคลายระยะ 2 ถือเป็นข่าวดีของกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค (Consumer Discretionary) เช่น HMPRO, CRC ที่จะมีโอกาสฟื้นตัวมากขึ้น แต่ราคาหุ้นที่ได้ประโยชน์หลายตัวได้ขึ้นมารับข่าวดังกล่าวพอสมควรแล้ว จึงไม่แนะนำเก็งกำไรธีมดังกล่าว  เลือก BJC เป็น Top Pick ในกลุ่มค้าปลีก จากมุมมองธุรกิจบรรจุภัณฑ์ อุปโภคบริโภค ที่ยังคงมีความต้องการผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจค้าปลีก (บิ๊กซี) มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 Forward PE เพียง 19 เท่า ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่ปัจจุบันสูงกว่า 25 เท่า ราคาปัจจุบัน Upside มากกว่า 21% ราคาเหมาะสม 45.20 บาท


@ ACE กำไรพุ่ง 347.6%


นางสาวจิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ๊บโซลูทคลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 593.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 460.9 ล้านบาท หรือ 347.6% คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 42.7% เทียบกับปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.8% มีรายได้รวม 1,348 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11%  ทั้งนี้บริษัทมีต้นทุนขายและบริการลดลง 8.1% มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มทุกโรงไฟฟ้า ชีวมวลอยู่ที่ 36.3% เพิ่มขึ้น 6.6% โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 29.5% เพิ่มขึ้น 2.4% โรงไฟฟ้าขยะ 61.1% เพิ่มขึ้น 17.4%นอกจากนี้ยังสามารถบริหารค่าใช้จ่ายการบริการลดลง 14.4% ต้นทุนการเงินลดลง 76% เนื่องจากบริษัทได้นำเงินสดไปคืนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีรายได้จากการชดเชยค่าเคลมประกัน 171 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ 161.7 ล้านบาท


คณะกรรมการบริษัทฯยังมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 2 มิถุนายน 2563 และจ่ายปันผลในวันที่ 15มิถุนายน 2563 นอกจากนั้นบริษัทฯมีแผนงานที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยการเตรียมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนตามนโยบายสำคัญของภาครัฐ 2 โครงการใหญ่คือโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์โดยเฉพาะโครงการ Quick - Win ซึ่งเป็นเฟสแรก

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X